มานาประจำวัน

                               

ที่มา พันธกิจมานาประจำวัน

29 สิงหาคม 2023  

เมื่อคุณเหน็ดเหนื่อย อ่าน: มัทธิว 11:25–30

บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข [ มัทธิว 11:28 ]

ฉันนั่งอยู่ในความเงียบหลังเลิกงาน คอมพิวเตอร์วางอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันควรจะยินดีกับงานที่ฉันทำเสร็จในวันนั้น แต่ไม่เลย ฉันเหนื่อย ไหล่ของฉันปวดเมื่อยจากความวิตกกังวลเรื่องปัญหาในที่ทำงาน และความคิดของฉันก็หมดไปกับการคิดเรื่องความสัมพันธ์ที่มีปัญหา ฉันอยากจะหนีให้พ้นจากทุกสิ่ง ฉันจึงคิดว่าคืนนั้นจะดูทีวี

แต่ฉันหลับตาลงและพึมพำว่า “พระเจ้าข้า” ฉันเหนื่อยเกินกว่าจะพูดอะไรอีก ความอ่อนล้าทั้งหมดของฉันกลั่นออกมาเป็นคำนั้นเพียงคำเดียว และด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันรู้ในทันทีว่าฉันควรจะเข้ามาหาพระองค์

พระเยซูทรงบอกเราผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักว่า “จงมาหาเราและเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข” (มธ.11:28) ไม่ใช่การพักโดยการนอนหลับสนิท ไม่ใช่การหลบลี้หนีจากความจริงที่โทรทัศน์มอบแก่เรา ไม่ใช่แม้แต่ความผ่อนคลายเมื่อปัญหาได้รับการแก้ไข แม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นแหล่งแห่งการพักผ่อนที่ดี แต่การบรรเทาที่สิ่งเหล่านี้มอบให้นั้นคงอยู่เพียงชั่วคราวและเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์

ในทางตรงกันข้าม การพักที่พระเยซูประทานให้นั้นยั่งยืนและรับประกันโดยพระลักษณะที่ไม่เปลี่ยนแปลงของพระองค์ พระองค์ทรงดีเสมอ พระองค์ประทานให้จิตวิญญาณของเราได้พักอย่างแท้จริงแม้ในท่ามกลางปัญหาเพราะเรารู้ว่าทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของพระองค์ เราสามารถไว้วางใจและยอมจำนนต่อพระองค์ อดทนและเกิดผลแม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ด้วยกำลังและการฟื้นฟูที่พระองค์เพียงผู้เดียวสามารถประทานให้ได้

“จงมาหาเรา” พระเยซูตรัสแก่เราว่า “จงมาหาเรา”

เมื่อจิตวิญญาณของคุณเหน็ดเหนื่อย คุณไปพักผ่อนที่ไหน คุณจะตอบสนองอย่างไรต่อพระเยซูผู้ทรงเชิญชวนให้คุณมาหาพระองค์

ข้าแต่พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ โปรดเตือนใจข้าพระองค์ว่าการพักที่แท้จริงนั้นพบได้ในพระองค์เท่านั้น

โดย Karen Huang อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 126-128; 1 โครินธ์ 10:19-33

28 สิงหาคม 2023  

สูญเสียทุกสิ่ง อ่าน: โยบ 1:13–22

พระเจ้าประทานและพระเจ้าทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระเจ้า [ โยบ 1:21 ]

คงไม่มีเวลาไหนจะแย่ไปกว่านั้นอีกแล้ว หลังจากมีรายได้เล็กน้อยจากการสร้างสะพาน อนุสาวรีย์ และตึกขนาดใหญ่หลายแห่ง ซีซาร์ฝันอยากสร้างกิจการใหม่ เขาจึงขายกิจการแรกของเขาไปแล้วฝากเงินไว้ในธนาคารโดยวางแผนจะลงทุนใหม่ในเวลาอันใกล้ ในช่วงจังหวะเวลาสั้นๆนั้นเอง รัฐบาลของเขาได้ยึดทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ในบัญชีธนาคารส่วนตัว เงินเก็บทั้งชีวิตของซีซาร์หายวับไปในชั่วพริบตา

ซีซาร์เลือกที่จะไม่บ่นเกี่ยวกับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น เขาขอพระเจ้าสำแดงหนทางข้างหน้าให้แก่เขา แล้วจากนั้น เขาก็เพียงแค่เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

ในช่วงเวลาที่เลวร้ายครั้งหนึ่ง โยบสูญเสียมากยิ่งกว่าทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นของท่าน ท่านสูญเสียคนใช้ส่วนใหญ่และบุตรชายหญิงทั้งหมดไป (โยบ 1:13-22) จากนั้นท่านก็ล้มป่วย (2:7-8) ท่าทีของโยบยังคงเป็นตัวอย่างอมตะให้แก่เราทั้งหลาย ท่านอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้ามาจากครรภ์มารดาของข้าพเจ้าตัวเปล่า และข้าพเจ้าจะกลับไปตัวเปล่า พระเจ้าประทานและพระเจ้าทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระเจ้า” (1:21) พระธรรมบทนี้จบลงด้วยประโยคที่ว่า “ในเหตุการณ์นี้ทั้งสิ้น โยบมิได้ทำบาปหรือกล่าวโทษพระเจ้า” (ข้อ 22)

เช่นเดียวกับโยบ ซีซาร์เลือกที่จะวางใจในพระเจ้า ในเวลาเพียงไม่กี่ปีเขาได้สร้างธุรกิจใหม่ที่ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าธุรกิจแรกเสียอีก เรื่องราวของเขาคล้ายกับบทสรุปของโยบ (ดู โยบ 42) หากแม้ซีซาร์จะไม่สามารถฟื้นตัวทางธุรกิจได้เลย เขาก็รู้ว่าทรัพย์สมบัติแท้จริงของเขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้ (มธ.6:19-20) เขาจะยังคงไว้วางใจในพระเจ้า

คุณรู้สึกอย่างไรตอนที่คุณสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุด พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสำแดงให้คุณเห็นอะไรในการสูญเสียนั้น

ข้าแต่พระเจ้า ในวันนี้โปรดสอนข้าพระองค์เกี่ยวกับความรักของพระองค์ ซึ่งยังมีอีกมากมายที่ข้าพระองค์ไม่เข้าใจ

โดย Tim Gustafson อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 123-125; 1 โครินธ์ 10:1-18

27 สิงหาคม 2023  

การจัดการกับความผิดหวัง

อ่าน: 1 พงศาวดาร 28:2–3, 6–12

ข้าพเจ้ามีใจประสงค์ที่จะสร้างพระนิเวศ อันเป็นที่พักของหีบพันธสัญญาของพระเจ้า[1 พงศาวดาร 28:2 ]

หลังจากระดมทุนตลอดทั้งปีเพื่อ “การเดินทางครั้งหนึ่งในชีวิต” รุ่นพี่ปีสุดท้ายของโรงเรียนมัธยมในรัฐโอคลาโฮมาได้มาถึงสนามบินและพบว่าพวกเขาหลายคนซื้อตั๋วจากบริษัทปลอมที่แอบอ้างเป็นสายการบิน “มันน่าเสียใจอย่างที่สุด” เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนคนหนึ่งกล่าว แต่ถึงแม้พวกเขาจะต้องเปลี่ยนแผน พวกนักเรียนตัดสินใจที่จะ “ใช้เวลาให้มีค่ามากที่สุด” พวกเขาใช้เวลาสองวันเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆที่ให้ตั๋วเข้าฟรีแก่พวกเขา

การรับมือกับแผนการที่ล้มเหลวหรือมีการเปลี่ยนแปลงอาจน่าผิดหวังหรือถึงกับทำให้ใจสลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราลงทุนเวลา เงิน หรือความรู้สึกไปกับการวางแผน กษัตริย์ดาวิด “มีใจประสงค์ที่จะสร้าง” พระนิเวศของพระเจ้า (1 พศด.28:2) แต่พระเจ้าตรัสกับพระองค์ว่า “เจ้าอย่าสร้างนิเวศเพื่อนามของเราเลย…ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะสร้างนิเวศของเรา” (ข้อ 3, 6) ดาวิดไม่ได้สิ้นหวัง พระองค์สรรเสริญพระเจ้าที่ทรงเลือกพระองค์ให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล และดาวิดมอบแผนผังของพระวิหารให้แก่ซาโลมอนเพื่อสร้างให้สำเร็จ (ข้อ 11-13) ขณะเมื่อทรงมอบแผนผังนั้น ดาวิดได้หนุนใจซาโลมอนว่า “จงเข้มแข็งและกล้าหาญและทำให้สำเร็จเถิด…เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้า…ทรงสถิตกับเจ้า”

(ข้อ 20)

เมื่อแผนการของเราล้มเหลว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เราสามารถนำความผิดหวังมาหาพระเจ้าผู้ทรง “ห่วงใยท่านทั้งหลาย” (1 ปต.5:7) พระองค์จะทรงช่วยเรารับมือกับความผิดหวังด้วยพระคุณ

เมื่อใดที่คุณได้วางแผนไว้เป็นอย่างดีแต่แผนการต้องล้มเหลว สิ่งใดช่วยคุณให้รับมือกับความผิดหวังที่เกิดขึ้น

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับพระสัญญาและแผนการที่ไม่มีวันล้มเหลวของพระองค์ ขอโปรดช่วยข้าพระองค์เมื่อคำสัญญาและแผนการของข้าพระองค์ล้มเหลว

26 สิงหาคม 2023  

ถ่อมใจแต่มีความหวัง

อ่าน: สดุดี 22:14–24

ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชุมนุมชน [ สดุดี 22:22 ]

ลาทรีซเดินออกไปด้านหน้า ตามคำเชิญของศิษยาภิบาลหลังเลิกการนมัสการเมื่อเธอได้รับเชิญให้ทักทายที่ประชุมนั้น ไม่มีใครทันตั้งตัวว่าเธอจะกล่าวถ้อยคำที่ลึกซึ้งและยอดเยี่ยม เธอย้ายไปจากเคนตั๊กกี้หลังจากพายุทอร์นาโดครั้งรุนแรงได้คร่าชีวิตสมาชิกเจ็ดคนในครอบครัวของเธอเมื่อเดือนธันวาคม 2021 “ฉันยังคงยิ้มได้เพราะพระเจ้าทรงอยู่กับฉัน” เธอกล่าว แม้จะชอกช้ำจากความทุกข์ที่เกิดขึ้น แต่คำพยานของเธอเป็นคำหนุนน้ำใจอันทรงพลังสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับความยากลำบาก

ถ้อยคำของดาวิดในสดุดี 22 (ซึ่งชี้ถึงการทนทุกข์ของพระเยซู) เป็นคำพูดของผู้บอบช้ำที่รู้สึกว่าถูกพระเจ้าทอดทิ้ง (ข้อ 1) ถูกเหยียดหยามและดูหมิ่น (ข้อ 6-8) ถูกล้อมไว้โดยผู้ล่า (ข้อ 12-13) ท่านรู้สึกอ่อนแอและหมดกำลัง (ข้อ 14-18) แต่ท่านมิได้สิ้นหวัง “ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์อย่าทรงห่างไกลเลย ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงอุปถัมภ์ ขอทรงเร่งรีบมาช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด” (ข้อ 19) ความท้าทายที่คุณมีในขณะนี้ แม้จะไม่เหมือนของดาวิดหรือลาทรีซ แต่มันสร้างปัญหาให้คุณจริง และคำพูดในข้อ 24 ก็มีความหมายต่อคุณจริง คือ “เพราะพระองค์มิได้ทรงดูถูกหรือสะอิดสะเอียน ต่อความทุกข์ยากของผู้ที่ทุกข์ใจ…เมื่อเขาร้องทูลพระองค์ทรงฟัง” และเมื่อเราได้มีประสบการณ์ในการทรงช่วยเหลือจากพระเจ้า ขอให้เราบอกเล่าถึงความประเสริฐของพระองค์เพื่อผู้อื่นจะได้รู้ (ข้อ 22)

การแบ่งปันเรื่องราวความเมตตาของพระเจ้ากับผู้อื่นมีประโยชน์อย่างไร เพราะเหตุใดการสามัคคีธรรมกับพี่น้องในพระคริสต์จึงมีความสำคัญ

ข้าแต่พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ ข้าพระองค์ขอนำความรู้สึกสิ้นหวังมายังพระองค์ ขอโปรดระบายลมหายใจแห่งความหวังใหม่เข้ามาในใจของข้าพระองค์ และช่วยข้าพระองค์สรรเสริญพระนามของพระองค์

25 สิงหาคม 2023  

เพื่อนรัก

อ่าน: ยอห์น 11:25–36

พวกยิวจึงกล่าวว่า “ดูซิพระองค์ทรงรักเขาเพียงไร” [ ยอห์น 11:36 ]

เป็นเวลาสองสามปีแล้วที่ผมไม่ได้เจอเพื่อนเก่าคนนี้ ในระหว่างนั้นเขาได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งและได้เริ่มกระบวนการรักษา การเดินทางที่ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเพื่อไปยังรัฐที่เขาอาศัยอยู่ทำให้ผมมีโอกาสได้พบเขาอีกครั้ง ผมเดินเข้าไปในร้านอาหารและเราทั้งคู่น้ำตาคลอ นานมากแล้วที่เราไม่ได้มีโอกาสอยู่ในห้องเดียวกัน และบัดนี้ความตายหมอบอยู่ตรงมุมห้องทำให้เราตระหนักว่าชีวิตนี้สั้นนัก น้ำตาของเราไหลออกมาเนื่องจากมิตรภาพอันยาวนานที่เต็มไปด้วยการผจญภัย เรื่องตลก เสียงหัวเราะ การสูญเสีย และความรัก ความรักมากมายไหลออกมาจากหางตาของเราเมื่อเรามองเห็นกันและกัน

พระเยซูก็ร้องไห้เช่นกัน พระกิตติคุณยอห์นบันทึกช่วงเวลานั้นไว้ หลังจากที่พวกยิวกล่าวว่า “พระองค์เจ้าข้า เชิญเสด็จมาดูเถิด” (ยอห์น 11:34) และพระเยซูประทับอยู่หน้าอุโมงค์ฝังศพของลาซารัสเพื่อนรักของพระองค์ จากนั้นเราอ่านพบถ้อยคำที่เปิดเผยให้เราเห็นว่าพระคริสต์ได้ทรงสวมสภาพของมนุษย์เช่นเดียวกับเราไว้อย่างลึกซึ้ง “พระเยซูทรงกันแสง” (ข้อ 35) ยังมีสิ่งอื่นอีกมากมายที่เกิดขึ้นซึ่งยอห์นไม่ได้บันทึกไว้หรือไม่ ใช่แล้ว และผมยังเชื่อด้วยว่าปฏิกิริยาของพวกยิวที่มีต่อพระเยซูกำลังบอกว่า “ดูซิ พระองค์ทรงรักเขาเพียงไร” (ข้อ 36) ประโยคนั้นเป็นเหตุผลที่เพียงพอที่จะทำให้เราหยุดเพื่อนมัสการพระเจ้าผู้ทรงเป็นสหายที่รู้จักความอ่อนแอทุกอย่างของเรา พระเยซูทรงมีเนื้อหนัง มีเลือด และน้ำตา พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงกอปรด้วยความรักและความเข้าใจ

คุณใคร่ครวญถึงความเป็นมนุษย์ของพระเยซูครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ การได้รู้ว่าพระเยซูทรงเข้าใจและรับรู้ถึงน้ำตาของคุณ ทำให้คุณมีกำลังใจอย่างไรในวันนี้

พระเยซูเจ้าข้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงเป็นผู้เดียวที่ช่วยให้รอด และเป็นผู้เดียวที่ร่วมร้องไห้ไปกับข้าพระองค์

24 สิงหาคม 2023  

ความเอื้ออาทรจากใจจริง

อ่าน: 2 ทิโมธี 1:6–14

เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ความรักและการบังคับตนเองให้แก่เรา [ 2 ทิโมธี 1:7 ]

ไม่เคยมีใครต้องตายจากการพูดว่า “ฉันดีใจมากที่ได้ใช้ชีวิตที่มีตัวเองเป็นศูนย์กลาง รับใช้ตนเอง และปกป้องตนเอง” นักเขียนปาร์คเกอร์กล่าวในการปราศรัยในพิธีรับปริญญา โดยกระตุ้นให้ผู้สำเร็จการศึกษา “มอบ(ตนเอง)ให้แก่โลก…ด้วยความเอื้ออาทรจากใจจริง”

ปาร์คเกอร์กล่าวต่อไปว่า การใช้ชีวิตเช่นนั้นยังอาจหมายถึงการเรียนรู้ว่า “คุณช่างรู้น้อย และคุณล้มเหลวได้ง่ายมาก” การจะมอบตนเองเพื่อรับใช้โลกได้นั้นจำเป็นต้องมีการปลูกฝังเรื่อง “ความคิดของผู้เริ่มต้น” เพื่อจะ “เดินตรงเข้าไปหาสิ่งที่คุณไม่รู้จัก และรับความเสี่ยงที่จะล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วลุกขึ้นมาเพื่อเรียนรู้ครั้งแล้วครั้งเล่า”

เมื่อชีวิตของเราถูกสร้างขึ้นบนรากฐานแห่งพระคุณเท่านั้น เราจึงจะมีความกล้าหาญในการเลือกเส้นทางชีวิตที่ “เอื้ออาทรจากใจจริง” โดยปราศจากความกลัวดังที่เปาโลอธิบายให้ทิโมธีบุตรบุญธรรมของท่านฟังว่า เราสามารถ “กระทำให้รุ่งเรืองขึ้น” (2ทธ.1:6) และใช้ชีวิตโดยของประทานจากพระเจ้าได้อย่างมั่นใจ เมื่อเราระลึกได้ว่าพระคุณของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ช่วยเราให้รอดและเรียกเราเข้าสู่ชีวิตแห่งพระประสงค์ (ข้อ 9) และเป็นฤทธิ์อำนาจของพระองค์ที่ทำให้เรากล้าที่จะต่อต้านการล่อลวงที่ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างขลาดกลัว เพื่อจะได้มาซึ่ง “จิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเอง” (ข้อ 7) และพระคุณของพระองค์นี่เองที่ช่วยดึงเราขึ้นเมื่อเราล้มลง เพื่อที่เราจะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้บนรากฐานแห่งความรักของพระองค์ (ข้อ 13-14)

คุณถูกล่อลวงให้ใช้ชีวิตอย่างขลาดกลัวอย่างไร พระคุณและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ช่วยคุณให้มีชีวิตที่กล้าหาญเพื่อพระองค์มากขึ้นได้อย่างไร

พระเจ้าข้า ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างขลาดกลัว ไม่ต้องคอยปกป้องตนเองจากความล้มเหลวและเจ็บปวด โปรดช่วยให้ข้าพระองค์พึ่งพาในความกล้าหาญที่พระองค์ประทานให้

โดย Monica La Rose

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 116-118; 1 โครินธ์ 7:1-19​

23 สิงหาคม 2023  

พยาน อ่าน: ปฐมกาล 4:2–11

โลหิตของน้องเจ้าส่งเสียงร้องฟ้องขึ้นมาจากดิน [ ปฐมกาล 4:10 ]

ในบทกวีชื่อ “พยาน” ของเฮนรี่ วัดสเวิร์ธ ลองเฟลโล (ค.ศ. 1807-1882) ได้พรรณนาถึงเรือทาสลำหนึ่งที่อับปางลง ขณะที่เขาเขียนถึง “โครงกระดูกที่ถูกล่ามโซ่” ลองเฟลโลไว้อาลัยให้แก่บรรดาทาสนิรนามผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนนับไม่ถ้วน บทส่งท้ายกล่าวไว้ว่า “นี่คือวิบัติของทาส / พวกเขาจ้องมองมาจากทะเลลึก / พวกเขาร่ำไห้มาจากสุสานที่ไม่มีใครรู้จัก / พวกเราคือพยาน!”

แต่พยานเหล่านี้พูดกับใครหรือ เป็นคำพยานที่ไร้เสียงโดยเปล่าประโยชน์หรือไม่

มีผู้หนึ่งซึ่งเป็นพยานเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อคาอินฆ่าอาเบล เขาแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“ข้าพระองค์หรือเป็นผู้ดูแลน้อง”เขาตอบพระเจ้าอย่างไม่ไยดี แต่พระเจ้าตรัสว่า “โลหิตของน้องเจ้าส่งเสียงร้องฟ้องขึ้นมาจากดิน บัดนี้เจ้าจะต้องถูกสาปจากที่ดินที่ได้อ้าปากรับโลหิตน้องจากมือเจ้า” (ปฐก.4:9-11)

ชื่อของคาอินยังคงอยู่ในฐานะคำเตือน ตามที่ยอห์นผู้เป็นสาวกได้กล่าวสอนไว้ว่า “จงอย่าเป็นเหมือนคาอินที่มาจากมารและได้ฆ่าน้องของตนเอง” (1ยน.3:12) ชื่อของอาเบลเองก็ยังคงอยู่ด้วยเช่นกัน แต่เป็นไปในทางที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงคือ “เพราะอาเบลมีความเชื่อจึงได้นำเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าของคาอินมาถวายแด่พระเจ้า” ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูบันทึกไว้ว่า “แต่เพราะท่านมีความเชื่อ ท่านจึงยังคงพูดอยู่” (ฮบ.11:4)

อาเบลยังคงพูดอยู่! เช่นเดียวกับกระดูกของทาสที่ถูกหลงลืมเหล่านั้น เราสมควรที่จะระลึกถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อดังกล่าวทั้งหมด และต่อต้านการกดขี่ทุกอย่างที่เราพบ พระเจ้าทรงเห็นทุกสิ่ง ความยุติธรรมของพระองค์จะมีชัย

คุณรู้เห็นสถานการณ์ของความอยุติธรรมและการกดขี่อะไรบ้าง พระเจ้าอาจทรงเรียกให้คุณทำอะไรในวันนี้

พระเจ้าที่รัก พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เห็นทุกสิ่ง โปรดช่วยข้าพระองค์ ให้เห็นการกดขี่ที่เกิดขึ้นและสำแดงให้ข้าพระองค์เห็นว่าจะต่อต้านสิ่งนั้นได้อย่างไร

โดย Tim Gustafson อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 113-115; 1 โครินธ์ 6

22 สิงหาคม 2023  

คริสตจักรนิรันดร์ของพระเจ้า

อ่าน: เอเฟซัส 2:14–22

พลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นหามิได้ [ มัทธิว 16:18 ]

“โบสถ์เลิกแล้วหรือคะ” คุณแม่ยังสาวมาถึงคริสตจักรพร้อมกับลูกสองคน เมื่อการนมัสการวันอาทิตย์กำลังเลิกพอดี แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับบอกเธอว่าคริสตจักรใกล้ๆมีการนมัสการสองรอบ และรอบที่สองกำลังจะเริ่มในอีกไม่ช้า เธออยากให้มีคนขับรถไปส่งที่นั่นไหม คุณแม่ยังสาวตอบรับและดูยินดีที่จะไปยังอีกคริสตจักรหนึ่งที่เลยไปไม่ไกล เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับมีข้อสรุปว่า “คริสตจักรเลิกแล้วหรือ ไม่มีวันเป็นเช่นนั้น คริสตจักรของพระเจ้าจะดำเนินไปไม่มีวันสิ้นสุด”

คริสตจักรไม่ใช่ “อาคาร” ที่เสื่อมสลายได้ เปาโลบันทึกไว้ว่า คริสตจักรคือครอบครัวที่สัตย์ซื่อของพระเจ้า เป็น “ครอบครัวของพระเจ้า…ประดิษฐานขึ้นบนรากแห่งพวกอัครทูตและพวกผู้เผยพระวจนะ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก ในพระองค์นั้นทุกส่วนของโครงร่างต่อกันสนิทและเจริญขึ้นเป็นวิหารอันบริสุทธิ์ในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในพระองค์นั้นท่านก็กำลังจะถูกก่อขึ้นให้เป็นที่สถิตของพระเจ้าในฝ่ายพระวิญญาณด้วย” (อฟ.2:19-22)

พระเยซูเองได้ทรงสถาปนาคริสตจักรของพระองค์ให้เป็นอมตะ พระองค์ทรงประกาศว่าแม้คริสตจักรจะเผชิญกับความท้าทายและปัญหา แต่ “พลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นหามิได้” (มธ.16:18)

โดยการมองผ่านแนวคิดที่พระเจ้าประทานให้เรานี้ เราสามารถมองเห็นว่าคริสตจักรท้องถิ่นซึ่งก็คือเราทั้งหลายนั้น เป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรสากลของพระเจ้า คือถูกตั้งขึ้น “ในพระเยซูคริสต์ตลอดทุกชั่วอายุคนเป็นนิตย์” (อฟ.3:21)

คริสตจักรท้องถิ่นของคุณทำให้คุณรู้สึกขอบคุณพระเจ้าอย่างไร คุณจะช่วยให้คริสตจักรสากลของพระเจ้าเติบโตขึ้นได้อย่างไร

ข้าแต่พระเยซู ในฐานะที่ข้าพระองค์เป็นส่วนหนึ่งในคริสตจักรของพระองค์ ขอโปรดทรงสร้างข้าพระองค์ต่อไปในพระองค์

โดย Patricia Raybon อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 110-112; 1 โครินธ์ 5

21 สิงหาคม 2023  

ของขวัญแห่งกำลังใจ

อ่าน: 1 ซามูเอล 23:14–23

จงหนุนใจกันและต่างคนต่างจงก่อกันขึ้น [ 1 เธสะโลนิกา 5:11 ]

“ผึ้งของคุณกำลังทิ้งรังไปแล้ว!” ภรรยาของผมโผล่หน้าเข้ามาที่ประตูและบอกข่าวที่ไม่มีคนเลี้ยงผึ้งคนไหนอยากได้ยิน ผมวิ่งออกไปเห็นผึ้งเป็นพันๆตัวกำลังบินออกจากรังไปยังยอดต้นสนสูงและจะไม่มีวันกลับมาอีก

ผมไม่ทันได้สังเกตอาการบางอย่างที่บอกให้รู้ล่วงหน้าว่าผึ้งกำลังจะแยกรัง พายุที่เข้านานกว่าหนึ่งสัปดาห์ทำให้ผมไม่ได้ไปตรวจดู พอถึงเช้าวันที่พายุสิ้นสุดลงผึ้งก็จากไป รังผึ้งนี้เป็นครอบครัวใหม่และแข็งแรง อันที่จริงพวกมันกำลังแยกครอบครัวเพื่อจะสร้างรังใหม่ “อย่าโทษตัวเองเลย” คนเลี้ยงผึ้งที่มีประสบการณ์คนหนึ่งบอกผมอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นความผิดหวังของผม “เรื่องนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน!”

การให้กำลังใจเป็นของขวัญอันล้ำค่า เมื่อดาวิดท้อแท้เพราะถูกซาอูลตามฆ่า โยนาธานซึ่งเป็นบุตรชายของซาอูลได้ให้กำลังใจดาวิดว่า “อย่ากลัวเลยเพราะว่ามือของซาอูลเสด็จพ่อของฉันจะหาเธอไม่พบ เธอจะได้เป็นพระราชาเหนืออิสราเอล และฉันจะเป็นอุปราช ซาอูลเสด็จพ่อของฉันก็ทราบเรื่องนี้ด้วย”

(1ซมอ.23:17)

ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นคำพูดอันน่าทึ่งที่แสดงถึงความไม่เห็นแก่ตัวของบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งที่สองรองจากราชบัลลังก์ น่าจะเป็นเพราะโยนาธานรู้ว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับดาวิด ท่านจึงพูดออกมาจากใจที่ถ่อมและเปี่ยมด้วยความเชื่อ

รอบตัวเรามีแต่ผู้คนที่ต้องการกำลังใจ พระเจ้าจะช่วยเราให้ช่วยพวกเขา เมื่อเราถ่อมใจลงต่อพระองค์และขอให้พระองค์รักเขาเหล่านั้นผ่านทางเรา

คุณรู้จักใครที่ต้องการกำลังใจไหม คุณจะถ่อมใจลงรับใช้พวกเขาได้อย่างไรในวันนี้

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ประทานกำลังใจนิรันดร์และความหวังประเสริฐแก่ข้าพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์สำแดงความรักของพระองค์ต่อใครสักคนในวันนี้

20 สิงหาคม 2023  

ค้นหาที่โล่ง

อ่าน: อพยพ 33:1–4, 7–11

พระเจ้าเคยตรัสสนทนากับโมเสสสองต่อสอง เหมือนมิตรสหายสนทนากัน [ อพยพ 33:11 ]

ในหนังสือเรื่อง ขอบเขต ดร.ริชาร์ด สเวนสันเขียนไว้ว่า “เราต้องมีช่องว่างสำหรับหายใจบ้าง เราต้องการอิสระในการคิดและเปิดโอกาสให้แก่การเยียวยา ความสัมพันธ์ของเรากำลังถูกทำให้แห้งเหี่ยวตายลงเพราะความเร่งรีบ…ลูกๆของเรานอนบาดเจ็บอยู่บนพื้น ท่วมทับด้วยความปรารถนาดีของเราที่พุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง พระเจ้าทรงเหน็ดเหนื่อยแล้วหรืออย่างไร พระองค์ไม่ได้นำประชากรไปยังริมน้ำแดนสงบอีกแล้วหรือ ใครปล้นชิงพื้นที่เปิดโล่งในอดีตไปเสีย แล้วเราจะนำมันกลับคืนมาได้อย่างไร” สเวนสันกล่าวว่าเราจำเป็นต้องมี “พื้นที่” สงบและอุดมสมบูรณ์ในชีวิตที่เราจะสามารถพักในพระเจ้าและพบกับพระองค์ได้

คำพูดนี้ดังก้องอยู่ในใจคุณหรือเปล่า การแสวงหาพื้นที่เปิดโล่งเป็นสิ่งที่โมเสสทำได้ดี การเป็นผู้นำของชนชาติที่ “หัวแข็ง” (อพย.33:5) ทำให้ท่านมักปลีกตัวออกไปเพื่อหาการพักสงบและการทรงนำในการทรงสถิตของพระเจ้า และใน “เต็นท์นัดพบ” (ข้อ 7) ที่โมเสสตั้งไว้นั้น “พระเจ้าเคยตรัสสนทนากับโมเสสสองต่อสอง เหมือนมิตรสหายสนทนากัน” (ข้อ 11) พระเยซูก็ทรง “เสด็จออกไปในที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐาน” (ลก.5:16) ทั้งพระองค์และโมเสสตระหนักถึงความสำคัญของการใช้เวลาตามลำพังกับองค์พระบิดา

เราเองก็จำเป็นต้องสร้างขอบเขตในชีวิตของเราเช่นกัน เพื่อให้มีที่เปิดโล่งสำหรับการพักสงบและอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า การใช้เวลากับพระองค์จะทำให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น สร้างขอบเขตและเส้นแบ่งที่เหมาะสมในชีวิตเพื่อเราจะได้มีกำลังในการรักพระเจ้าและผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

ขอให้เราแสวงหาพระเจ้าในที่เปิดโล่งในวันนี้

ทำไมคุณจึงจำเป็นต้องมีขอบเขตในชีวิต คุณจะสร้างพื้นที่สำหรับการใช้เวลากับพระเจ้าในตารางชีวิตของคุณอย่างไร

พระเยซูเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้แสวงหาช่วงเวลาที่เงียบสงบกับพระองค์ในแต่ละวัน

โดย Tom Felten

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 105-106; 1 โครินธ์ 3

19 สิงหาคม 2023  

ฤทธิ์เดชของพระคริสต์

อ่าน: มาระโก 4:35–41

ฝ่ายเขาก็เกรงกลัวนักหนา และพูดกันและกันว่า “ท่านนี้เป็นผู้ใดหนอจนชั้นลมและทะเลก็เชื่อฟังท่าน”

[ มาระโก 4:41 ]

ในปี 2013 มีผู้คนประมาณ 600 คนในสถานที่จริงที่คอยชมนักกายกรรม นิค วัลเล็นดา เดินไต่เชือกข้ามช่องเขากว้างราว 427 เมตรใกล้ๆแกรนด์แคนยอน วัลเล็นดาก้าวออกไปบนเชือกเคเบิลหนา 2 นิ้วและขอบคุณพระเยซูสำหรับภาพที่เขามองเห็นขณะที่กล้องติดศีรษะของเขาหันไปทางหุบเขาเบื้องล่าง เขาอธิษฐานและขอบคุณพระเยซูขณะเดินข้ามช่องเขานั้นไปอย่างสงบราวกับกำลังเดินเล่นอยู่บนทางเท้า เวลาที่ลมพัดแรงเขาจะหยุดและย่อตัวลง แล้วจึงยืดตัวยืนขึ้นปรับสมดุลร่างกายใหม่ และขอบคุณพระเจ้าที่ทรงทำให้ “เชือกนิ่ง” ในแต่ละย่างก้าวบนเชือกนั้น เขาสำแดงถึงการพึ่งพาในฤทธิ์อำนาจของพระคริสต์ต่อหน้าทุกคนที่อยู่ที่นั่น รวมถึงทุกคนที่ดูอยู่ในเวลานี้ทางวีดิโอที่เผยแพร่ไปทั่วโลก

เมื่อลมพายุทำให้เกิดคลื่นซัดใส่เหล่าสาวกในทะเลกาลิลี พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัว (มก.4:35-38) หลังจากพระเยซูทรงห้ามพายุแล้ว พวกเขารู้ว่าพระองค์ทรงควบคุมลมและทุกสิ่งทุกอย่าง (ข้อ 39-41) พวกเขาได้ค่อยๆเรียนรู้ที่จะไว้วางใจในพระองค์ ประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเขาสามารถช่วยให้ผู้อื่นรู้จักฤทธิ์อำนาจที่ไม่ธรรมดาของพระเยซูและรู้ว่าทรงพร้อมที่จะช่วยเราเสมอ

ขณะที่เราเผชิญกับมรสุมแห่งชีวิต หรือไต่ไปตามเชือกแห่งความไว้วางใจที่พาดอยู่เหนือหุบเขาสูงชันแห่งความทุกข์ เราสามารถแสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฤทธิ์เดชของพระคริสต์ พระเจ้าจะทรงใช้การดำเนินในความเชื่อของเราเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นมีความหวังในพระองค์

การได้เห็นฤทธิ์เดชของพระคริสต์ในชีวิตผู้อื่นทำให้ความเชื่อของคุณเข้มแข็งขึ้นอย่างไร การอธิษฐานช่วยให้คุณเดินด้วยความเชื่อมั่นได้อย่างไร

พระบิดาเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงสงบใจของข้าพระองค์ ในขณะที่ข้าพระองค์เชื่อวางใจในพระองค์ตลอดฤดูมรสุมแห่งชีวิต

 

18 สิงหาคม 2023  

เทศกาลแห่งการนมัสการ

อ่าน: เฉลยธรรมบัญญัติ 16:9–16

ท่านจงปีติร่าเริงต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน...ณ สถานที่ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกไว้ ให้พระนามของพระองค์ประทับที่นั่น [ เฉลยธรรมบัญญัติ 16:11 ]

การร่วมในงานประชุมขนาดใหญ่อาจทำให้คุณเปลี่ยนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากกว่า 1,200 คนในงานประชุมใหญ่หลายวันในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา นักวิจัยดาเนียล ยุดคินและเพื่อนร่วมงานของเขาได้เรียนรู้ว่า การชุมนุมหรือเทศกาลขนาดใหญ่สามารถส่งผลกระทบต่อเข็มทิศทางศีลธรรมของเรา และอาจส่งผลต่อความตั้งใจของเราในการแบ่งปันทรัพยากรกับผู้อื่น งานวิจัยของพวกเขาพบว่าร้อยละ 63 ของผู้เข้าร่วมงานได้รับประสบการณ์แห่งการ “เปลี่ยนแปลง” ในงานชุมนุม ทำให้พวกเขารู้สึกผูกพันกับเพื่อนมนุษย์มากขึ้นและมีน้ำใจต่อเพื่อน ครอบครัว และแม้แต่คนที่แปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเรารวมตัวกับผู้อื่นเพื่อนมัสการพระเจ้า เราจะได้สัมผัสมากกว่าแค่ “การเปลี่ยนแปลง” ทางสังคมจากการชุมนุมทางโลก แต่เราจะได้สื่อสารกับพระเจ้าโดยตรง ประชากรของพระเจ้ามีประสบการณ์เชื่อมโยงกับพระองค์เช่นนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อพวกเขารวมตัวกันในกรุงเยรูซาเล็มในสมัยโบราณเพื่อร่วมเทศกาลอันศักดิ์สิทธิ์ตลอดทั้งปี พวกเขาเดินทางโดยปราศจากเครื่องอำนวยความสะดวกเพื่อไปยังพระวิหารปีละสามครั้งเพื่อร่วม “เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เทศกาลสัปดาห์ และเทศกาลอยู่เพิง” (ฉธบ.16:16) การชุมนุมเหล่านี้เป็นช่วงเวลาแห่งการรำลึก การนมัสการ และการชื่นชมยินดี “เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า”ร่วมกับครอบครัว คนรับใช้ คนต่างชาติ และคนอื่นๆ(ข้อ 11)

ให้เรารวมตัวกับผู้อื่นในการนมัสการ เพื่อช่วยซึ่งกันและกันให้ชื่นชมยินดี ในพระเจ้าและเชื่อวางใจในความสัตย์ซื่อของพระองค์เรื่อยไป

คุณเคยมีประสบการณ์ในการเชื่อมโยงผูกพันกับพระเจ้าอย่างไร เวลาที่คุณรวมกลุ่มกับผู้อื่นเพื่อนมัสการ การที่มีคนอื่นอยู่ร่วมด้วยมีส่วนช่วยคุณอย่างไร

ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงเชิญชวนคนของพระองค์ให้มานมัสการพระองค์ร่วมกัน

17 สิงหาคม 2023  

ยิ่งกว่าทูตของแบรนด์

อ่าน: 2 โครินธ์ 5:11–20

ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์...เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกันกับพระเจ้า

[ 2 โครินธ์ 5:20 ]

การแข่งขันในยุคอินเทอร์เน็ตมีความรุนแรงอย่างมาก บริษัทต่างๆพากันพัฒนาวิธีที่สร้างสรรค์เพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างบริษัทรถซูบารุ เจ้าของรถซูบารุมีลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์เป็นจำนวนมาก ดังนั้นบริษัทจึงได้เชื้อเชิญ “แฟนตัวยง” ให้มาเป็น “ทูตของแบรนด์” สำหรับยานพาหะของบริษัท

เว็บไซต์ของบริษัทบอกไว้ว่า “ทูตของซูบารุเป็นกลุ่มบุคคลพิเศษที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ที่ใช้ความรักและความกระตือรือร้นของพวกเขามาอาสาเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับซูบารุ และช่วยกำหนดอนาคตของแบรนด์” บริษัทต้องการให้ความเป็นเจ้าของซูบารุกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของผู้คน เป็นสิ่งที่พวกเขาหลงใหลมากจนอดไม่ได้ที่จะพูดให้คนอื่นฟัง

ใน 2 โครินธ์ 5 เปาโลอธิบายถึงการเป็น “ทูต” ที่แตกต่างออกไป นั่นคือการชักชวนผู้อื่นให้มาติดตามพระเยซู “เพราะเหตุที่เราเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างจับใจเราจึงชักชวนคนทั้งหลาย” (ข้อ 11) จากนั้นท่านได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกันกับพระเจ้า​” (ข้อ 19-20)

ผลิตภัณฑ์มากมายสัญญาว่าจะตอบสนองความต้องการในส่วนลึกเพื่อให้เรารู้สึกถึงความสุข ความสมบูรณ์ และเป้าหมาย แต่มีข่าวสารเพียงหนึ่งเดียว เท่านั้นที่เป็นข่าวดีที่ แท้จริง คือข่าวการคืนดีที่ทรงมอบไว้ให้เราในฐานะผู้เชื่อของพระเยซู และเราได้รับสิทธิพิเศษที่จะนำส่งข่าวสารนั้นไปยังโลกนี้ที่สิ้นหวัง

คุณคิดอย่างไรกับการเป็นทูตของพระเยซู คุณจะดำเนินชีวิตในทางปฏิบัติตามการทรงเรียกนั้นได้อย่างไร

ข้าแต่พระเยซู ขอบพระคุณที่ทรงเชิญให้ข้าพระองค์มาเป็นทูตของพระองค์

16 สิงหาคม 2023  

พลังแห่งความมุ่งมั่น

อ่าน: ลูกา 18:1–8

คนทั้งหลายควรอธิษฐานอยู่เสมอไม่อ่อนระอาใจ [ ลูกา 18:1 ]

ในค.ศ. 1917 ช่างเย็บผ้าสาวรู้สึกตื่นเต้นที่โรงเรียนออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์กตอบรับให้เธอเข้าเรียน แต่เมื่อแอนน์ โลว์ โคน เดินทางจากฟลอริด้ามาเพื่อลงทะเบียนเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนบอกเธอว่าพวกเขาไม่ต้อนรับเธอ “พูดตามตรงเลยนะครับ คุณโคน พวกเราไม่ทราบมาก่อนว่าคุณเป็นนิโกร” เขาบอก แอนน์ไม่ยอมออกจากที่นั่น เธออธิษฐานเบาๆขอให้พวกเขายอมให้ฉันเรียนที่นี่เถอะ เมื่อผู้อำนวยการเห็นถึงความมุ่งมั่นนั้น เขาจึงให้แอนน์อยู่ แต่แยกเธอออกจากชั้นเรียนที่มีเฉพาะชาวผิวขาวโดยเปิดประตูหลังห้องทิ้งไว้ “ให้เธอได้ยิน”

ด้วยพรสวรรค์ที่มิอาจปฏิเสธ แอนน์จบการศึกษาก่อนกำหนดหกเดือนและเป็นที่สนอกสนใจของบรรดาลูกค้าชนชั้นสูง รวมถึงแจ็คเกอลีน เคนเนดี้อดีตสตรีหมายเลขหนึ่ง ของสหรัฐอเมริกาผู้ที่แอนน์ออกแบบชุดแต่งงานที่มีชื่อเสียงระดับโลกให้ แอนน์ตัดชุดแต่งงานนั้นสองครั้งโดยขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าหลังจากที่ท่อประปาเหนือห้องเสื้อของเธอแตก ทำให้ชุดแรกนั้นเสียหาย

ความมุ่งมั่นเช่นนั้นทรงพลังโดยเฉพาะในคำอธิษฐาน ในคำอุปมาของพระเยซูเรื่องหญิงม่ายและผู้พิพากษา หญิงม่ายคนหนึ่งเฝ้ามาหาผู้พิพากษาทุจริตซ้ำๆเพื่อขอความยุติธรรม ในตอนแรกเขาปฏิเสธเธอ แต่ “เพราะแม่ม่ายคนนี้มากวนเราให้ลำบาก เราจะให้ความยุติธรรมแก่นาง” (ลก.18:5)

ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก “พระเจ้าจะไม่ทรงประทานความยุติธรรมแก่คนที่พระองค์ได้ทรงเลือกไว้ผู้ร้องถึงพระองค์ทั้งกลางวันกลางคืนหรือ” (ข้อ 7) พระเยซูตรัสว่าพระองค์จะทรงประทานให้ (ข้อ 8) ขณะที่พระองค์ทรงดลใจเรา ให้เราเพียรอ้อนวอนอย่างมุ่งมั่นและไม่อ่อนระอาใจ พระเจ้าจะทรงตอบในเวลาและวิธีการที่สมบูรณ์แบบของพระองค์

สิ่งใดช่วยให้คุณมุ่งมั่นในการอธิษฐาน คุณจะเฝ้าร้องทูลวิงวอนเพื่อขอสิ่งใด

ข้าแต่พระเยซู ขอบพระคุณที่ทรงตอบคำอธิษฐานอันมุ่งมั่นของข้าพระองค์

15 สิงหาคม 2023  

พระเยซู พี่น้องของเรา อ่าน: ฮีบรู 2:10–18

พระเยซูจึงไม่ทรงละอายที่จะทรงเรียกเขาเหล่านั้น ว่าเป็นพี่น้องกัน [ ฮีบรู 2:11 ]

บริดเจอร์ วอล์คเกอร์ อายุเพียงหกขวบเท่านั้นตอนที่สุนัขอันตรายตัวนั้น วิ่งตรงเข้ามาหาน้องสาวของเขา โดยสัญชาตญาณบริดเจอร์ได้กระโดดเข้าขวางหน้าเพื่อปกป้องเธอจากการจู่โจมอันดุดันของหมาตัวนั้น หลังได้รับการรักษาฉุกเฉินและเย็บแผลบนใบหน้า 90 เข็ม บริดเจอร์พูดถึงสิ่งที่เขาทำว่า “ถ้ามีใครจะต้องตาย ผมคิดว่าคนนั้นควรเป็นผม” น่าดีใจที่ศัลยแพทย์ช่วยรักษาแผลบนใบหน้าของเขาจนหาย แต่ความรักของพี่ชายคนนี้ยังปรากฏอยู่ในภาพถ่ายล่าสุดที่เขากำลังกอดน้องสาวอยู่ ความรักนั้นยังคงแข็งแกร่งเหมือนเช่นที่ผ่านมา

ในอุดมคตินั้นสมาชิกในครอบครัวคือผู้ที่ดูแลห่วงใยเรา พี่น้องที่แท้จริงจะเข้ามาช่วยเมื่อเราตกอยู่ในปัญหาและอยู่เคียงข้างเมื่อเรากลัวและโดดเดี่ยว แต่ในความเป็นจริงแม้แต่พี่น้องที่ดีที่สุดก็ไม่สมบูรณ์แบบ และบางคนยังถึงกับทำร้ายเรา แต่เรามีพี่น้องคนหนึ่งคือพระเยซูผู้คอยอยู่เคียงข้างเราเสมอ พระธรรมฮีบรูบอกเราว่าพระคริสต์ ผู้สำแดงความรักอันถ่อมใจ เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโดยทรงร่วม “สายโลหิต” และเป็นเหมือนเรา คือ “เป็นเหมือนกับพี่น้องทุกอย่าง” (2:14, 17) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พระเยซูทรงเป็นพี่น้องที่แท้จริงที่สุดของเรา และพระองค์ทรงยินดีที่จะเรียกเราว่าเป็น “พี่น้องกัน” กับพระองค์ (ข้อ11)

เราพูดถึงพระเยซูว่าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นมิตรสหาย และเป็นกษัตริย์ของเรา พระองค์ทรงเป็นทุกอย่างนั้นจริงๆ แต่พระเยซูทรงเป็นพี่น้องของเราด้วย ทรงมีประสบการณ์ในความกลัวและการทดลอง ความผิดหวังหรือความเสียใจเหมือนกับมนุษย์ทุกอย่าง พระองค์ผู้เป็นพี่น้องของเราทรงอยู่เคียงข้างเราเสมอ

ประสบการณ์การมีพี่น้องในครอบครัวของคุณเป็นอย่างไร คุณเห็นว่าพระเยซูเป็นพี่น้องที่แท้จริงของคุณอย่างไรบ้าง

ข้าแต่พระเยซู ข้าพระองค์รู้สึกอัศจรรย์ใจที่คิดถึงพระองค์ในฐานะพี่น้อง ขอทรงดำเนินกับข้าพระองค์ รักและสอนข้าพระองค์ และสำแดงทางของพระองค์ให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด

โดย Winn Collier อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 91–93; โรม 15:1–13

14 สิงหาคม 2023  

เดียวดายแต่ไม่ถูกลืม  อ่าน: ปฐมกาล 40:8–15, 20–23

แต่หัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นนั้น มิได้ระลึกถึงโยเซฟ กลับลืมเขาเสีย [ ปฐมกาล 40:23 ]

เมื่อคุณฟังเรื่องราวของพวกเขา เป็นที่ชัดเจนว่าสิ่งที่ยากที่สุดของการเป็นนักโทษคือความโดดเดี่ยวและความเหงา อันที่จริงแล้ว มีการศึกษาหนึ่งแสดงให้เห็นว่านักโทษส่วนใหญ่ไม่ว่าจะถูกจองจำนานแค่ไหน จะมีเพื่อนหรือผู้ที่รักมาเยี่ยมเพียง 2 ครั้งในตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในห้องขัง ความเหงาจึงเป็นความจริงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

ผมคิดภาพว่าโยเซฟคงรู้สึกเจ็บปวดขณะที่อยู่ในเรือนจำ ท่านถูกกล่าวโทษความผิดอย่างไม่เป็นธรรม ท่านมีความหวังอันริบหรี่จากการที่พระเจ้าทรงช่วยให้ท่านแก้ความฝันได้อย่างถูกต้องให้กับเพื่อนผู้ต้องขังที่บังเอิญเป็นคนที่กษัตริย์ไว้วางใจ โยเซฟบอกกับเขาว่า เขาจะได้กลับไปรับตำแหน่งเดิมและขอให้คนนั้นบอกกับฟาโรห์เรื่องของโยเซฟเพื่อโยเซฟจะได้รับอิสรภาพ (ปฐก.40:14) แต่ชายคนนั้น “มิได้ระลึกถึงโยเซฟ กลับลืมเขาเสีย” (ข้อ 23) โยเซฟต้องรออีกสองปี ในช่วงสองปีแห่งการรอคอยโดยไม่มีสัญญาณใดว่าสถานการณ์ของท่านจะเปลี่ยนแปลง โยเซฟไม่เคยอยู่ตัวคนเดียว เพราะพระเจ้าทรงอยู่กับท่าน ในที่สุด คนรับใช้ของฟาโรห์ก็จำได้ถึงคำสัญญาของเขาและโยเซฟก็ได้ถูกปล่อยตัวหลังจากแก้ความฝันได้ถูกต้องอีกครั้ง (41:9-14)

ไม่ว่าสถานการณ์อะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเราถูกลืม และความรู้สึกเหงาหรือเดียวดายใดๆที่คืบคลานเข้ามา เราสามารถยึดพระสัญญาที่พระเจ้าทรงยืนยันกับลูกๆของพระองค์ไว้ได้ว่า “เราจะไม่ลืมเจ้า” (อสย.49:15)

มีเวลาใดที่คุณรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกลืม คำย้ำเตือนถึงการทรงสถิตอยู่เสมอของพระเจ้าทำให้คุณอบอุ่นใจได้อย่างไร

ข้าแต่พระบิดาในสวรรค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้เข้ามาหาพระองค์ เมื่อข้าพระองค์รู้สึกว่าถูกลืม และขอให้ข้าพระองค์จดจำว่าพระองค์ทรงอยู่ด้วยเสมอ

โดย Lisa Samra

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 89–90; โรม 14

13 สิงหาคม 2023  

วิธีที่แตกต่าง

อ่าน: 1 โครินธ์ 9:19–23

ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกชนิดต่อคนทั้งปวง เพื่อจะช่วยเขาให้รอดได้บ้างโดยทุกวิถีทาง [ 1 โครินธ์ 9:22 ]

เมื่อแมรี่ สเลสเซอร์ล่องเรือไปยังประเทศคาลาบาร์ในแอฟริกา (ปัจจุบันคือไนจีเรีย) ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1800 เธอกระตือรือร้นที่จะสานต่องานเผยแพร่ศาสนาของเดวิด ลิฟวิ่งสโตน งานที่ได้รับมอบหมายชิ้นแรกของเธอคือการสอนในโรงเรียนขณะที่อยู่ร่วมกับเพื่อนมิชชันนารีด้วยกัน สิ่งนี้ทำให้เธอมีภาระใจในการรับใช้ที่แตกต่างออกไป ดังนั้นแมรี่จึงทำในสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในพื้นที่นั้น คือเธอได้ย้ายเข้าไปอยู่กับคนที่เธอทำงานด้วย เธอเรียนภาษาของพวกเขา ใช้ชีวิตแบบพวกเขา และกินอาหารของพวกเขา และเธอยังรับดูแลเด็กหลายสิบคนที่ถูกทอดทิ้ง เป็นเวลาเกือบสี่สิบปีที่เธอได้นำทั้งความหวังและพระกิตติคุณไปยังผู้ที่ต้องการ

อัครทูตเปาโลทราบถึงความสำคัญในการตอบสนองความขัดสนของผู้ที่อยู่รอบข้างเรา ท่านกล่าวในพระธรรม 1 โครินธ์ 12:4-5 ว่า “ของประทานนั้นมีต่างๆกัน แต่มีพระวิญญาณองค์เดียวกัน” และ “งานรับใช้มีต่างๆกัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน” ดังนั้นท่านจึงได้รับใช้ผู้คนในด้านที่คนเหล่านั้นต้องการ ตัวอย่างเช่น “ต่อคนอ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอ” (9:22)

คริสตจักรแห่งหนึ่งที่ผมรู้จักเมื่อเร็วๆนี้ได้ประกาศเปิดตัวการทำพันธกิจชื่อว่า “ทุกความสามารถ” โดยจัดให้สถานที่นั้นไม่มีอุปสรรคขัดขวางใดๆ ทำให้คนไร้ความสามารถหรือผู้พิการก็สามารถเข้าถึงการนมัสการได้ นี่เป็นความคิดแบบเปาโลที่เอาชนะใจผู้คนและทำให้พระกิตติคุณเบ่งบานในชุมชน

ขณะที่เราดำเนินชีวิตโดยความเชื่อต่อหน้าคนรอบข้าง ขอพระเจ้าทรงนำ ให้เราใช้วิธีที่ใหม่และแตกต่างเพื่อแนะนำพระเยซูให้พวกเขาได้รู้จัก

มีวิธีการใหม่ๆอะไรบ้างในการเข้าถึงคนที่พระเจ้าทรงวางไว้ในใจของคุณ คุณจะทำให้สำเร็จได้อย่างไร

ข้าแต่พระบิดาในสวรรค์ โปรดประทานสติปัญญาให้แก่ข้าพระองค์ เพื่อจะพบหนทางที่เหมาะสมในการช่วยเหลือผู้อื่น

12 สิงหาคม 2023  

พระเจ้าผู้สัตย์ซื่อเป็นนิตย์

อ่าน: สดุดี 33:1–11

เพราะพระวจนะของพระเจ้าเที่ยงธรรม และพระราชกิจของพระองค์ก็สำเร็จด้วยความซื่อสัตย์ [สดุดี 33:4]

เมื่อซาเวียร์ยังเป็นเด็กประถมฉันขับรถไปรับส่งเขาที่โรงเรียน วันหนึ่งมีเรื่องที่ไม่เป็นตามแผนเกิดขึ้น ฉันไปรับเขาสาย เมื่อจอดรถฉันก็อธิษฐานอย่างลนลานขณะวิ่งไปที่ห้องเรียนของเขา ฉันพบเขากอดเป้และนั่งอยู่บนม้านั่งข้างๆครู “แม่ขอโทษนะมิโจ ลูกไม่เป็นอะไรนะ” ลูกชายถอนหายใจ “ผมไม่เป็นไรครับ แต่ผมโกรธที่แม่มาสาย” ฉันจะว่าเขาได้อย่างไรในเมื่อฉันก็โกรธตัวเองเหมือนกัน ฉันรักลูกแต่ฉันรู้ว่ามีหลายครั้งทีเดียวที่ฉันทำให้เขาผิดหวัง และฉันรู้ด้วยว่าวันหนึ่งเขาอาจรู้สึกผิดหวังในพระเจ้าด้วย ดังนั้นฉันจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะสอนเขาว่า พระเจ้าไม่เคยผิดสัญญาและพระองค์จะไม่มีวันผิดสัญญา

สดุดี 33 หนุนใจเราให้เฉลิมฉลองความสัตย์ซื่อของพระเจ้าด้วยการสรรเสริญเปรมปรีดิ์ (ข้อ 1-3) เพราะ “พระวจนะของพระเจ้าเที่ยงธรรม และพระราชกิจของพระองค์ก็สำเร็จด้วยความซื่อสัตย์” (ข้อ 4) ผู้เขียนใช้โลกนี้ที่พระเจ้าทรงสร้างเป็นหลักฐานอันชัดเจนถึงฤทธิ์อำนาจและความน่าเชื่อถือของพระองค์ (ข้อ 5-7) และเรียกร้องให้เราผู้เป็น “บรรดาชาวพิภพทั้งปวง” นมัสการพระเจ้า (ข้อ 8)

เมื่อแผนการเกิดผิดพลาดหรือมีคนทำให้เราผิดหวัง เราอาจถูกล่อลวงให้รู้สึกผิดหวังในพระเจ้า อย่างไรก็ตาม เราสามารถวางใจในความน่าไว้วางใจของพระเจ้าเพราะแผนการพระองค์ “ตั้งมั่นคงเป็นนิตย์” (ข้อ 11) เราสรรเสริญพระเจ้าได้แม้ในเวลาที่มีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น เพราะพระผู้สร้างผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยความรักนั้นทรงค้ำชูทุกๆอย่างและทุกๆคน พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อเป็นนิตย์

เพราะเหตุใดจึงยากที่จะสรรเสริญพระเจ้าเมื่อแผนการของคุณล้มเหลว หรือมีคนทำให้คุณผิดหวัง พระเจ้าทรงใช้โลกที่ทรงสร้างนี้พิสูจน์ว่าพระองค์ทรงไว้วางใจได้เป็นนิตย์อย่างไร

ข้าแต่พระเจ้า โปรดเตือนข้าพระองค์ถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ที่ผ่านมาในอดีต ขณะที่ข้าพระองค์ดำเนินในความเชื่อวันนี้

โดย Xochitl Dixon

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 84–86; โรม 12

11 สิงหาคม 2023  

ฉันคือใคร

อ่าน: โรม 5:6–10

แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรา ยังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา [ โรม 5:8 ]

โรเบิร์ต ทอดด์ ลินคอล์นมีชีวิตอยู่ภายใต้เงาของพ่อ คืออับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีผู้เป็นที่รักของชาวอเมริกัน หลังจากที่ท่านเสียชีวิตไป เป็นเวลานานทีเดียวที่ความเป็นตัวตนของโรเบิร์ตได้ถูกกลืนหายไปด้วยชื่อเสียงอันท่วมท้นของพ่อ เพื่อนสนิทของลินคอล์นชื่อนิโคลัส เมอร์เรย์ บัตเลอร์ ได้เขียนไว้ว่าโรเบิร์ตมักจะพูดว่า “ไม่มีใครอยากได้ผมเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการสงคราม พวกเขาต้องการลูกของอับราฮัม ลินคอล์น ไม่มีใครอยากได้ผมเป็นอัครราชทูตไปอังกฤษ พวกเขาอยากได้ลูกชายของอับราฮัม ลินคอล์น ไม่มีใครอยากได้ผมเป็นประธานบริษัทพูลแมน พวกเขาอยากได้ลูกของอับราฮัม ลินคอล์น

ความอึดอัดใจเช่นนี้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่กับแค่บรรดาลูกๆของบุคคลผู้มีชื่อเสียง เราทุกคนล้วนคุ้นเคยกับความรู้สึกที่ว่าเราไม่มีค่าในตัวตนที่เราเป็น แต่ไม่มีที่ใดที่คุณค่าอันลึกซึ้งที่เรามีจะชัดเจนไปกว่าการที่พระเจ้าทรงรักเรา

อัครทูตเปาโลรู้ว่าเราเป็นใครในบาปของเรา และเรากลายเป็นใครในพระคริสต์ ท่านเขียนไว้ว่า “ขณะเมื่อเรายังขาดกำลัง พระคริสต์ก็ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อช่วยคนบาปในเวลาที่เหมาะสม” (รม.5:6) พระเจ้าทรงรักเราเพราะสิ่งที่เราเป็น แม้ในเวลาที่เราแย่ที่สุด! เปาโลได้เขียนว่า “แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา” (ข้อ 8) พระเจ้าทรงให้คุณค่าแก่เรามากเหลือเกิน จนยอมให้พระบุตรของพระองค์เสด็จไปที่กางเขนแทนเรา

เราคือใคร เราคือบุตรที่รักของพระเจ้า แล้วเราจะต้องการอะไรอีกเล่า

เมื่อใดที่คุณรู้สึกว่าตัวเองหลงหายไปในเงาของคนอื่นบ้าง คุณจะยอมให้สิ่งนี้สอนคุณถึงความห่วงใยที่พระเจ้ามีต่อคุณโดยเฉพาะอย่างไร

ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณที่ทรงรักข้าพระองค์ในแบบที่ข้าพระองค์เป็น และขอบพระคุณที่การอภัยและความรักของพระองค์เป็นของข้าพระองค์แล้ว

โดย Bill Crowder

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 81–83; โรม 11:19–36

10 สิงหาคม 2023  

พระเจ้าในทุกๆวันของเรา

อ่าน: อิสยาห์ 46:4–7

เราก็คือ พระองค์นั้น เราจะอุ้มเจ้า [ อิสยาห์ 46:4 ]

หลังจากการผ่าตัดที่ไม่ประสบผลสำเร็จ คุณหมอบอกโจแอนว่าอีก 5 สัปดาห์เธอจะต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง ขณะที่เวลาผ่านไปความกังวลก็ก่อตัวขึ้น โจแอนและสามีเป็นผู้สูงอายุและครอบครัวก็อยู่ไกล พวกเขาต้องขับรถมายังเมืองที่ไม่คุ้นเคยและต้องผ่านระบบที่ซับซ้อนของโรงพยาบาล อีกทั้งยังต้องอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมอผู้เชี่ยวชาญคนใหม่

แม้สถานการณ์จะดูหนักหนาสาหัส แต่พระเจ้าทรงดูแลพวกเขา ระหว่างการเดินทางระบบนำทางในรถของพวกเขาเกิดขัดข้อง แต่พวกเขาก็ยังมาถึงทันเวลาเพราะมีแผนที่กระดาษอยู่ พระเจ้าทรงประทานสติปัญญาให้แก่พวกเขา ที่โรงพยาบาลมีศิษยาภิบาลคนหนึ่งอธิษฐานกับพวกเขาและเสนอที่จะช่วยเหลือพวกเขาในวันนั้น พระเจ้าทรงประทานการช่วยเหลือให้แก่พวกเขา หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว โจแอนได้รับข่าวดีคือการผ่าตัดประสบผลสำเร็จ

แม้เราอาจไม่ได้รับการเยียวยาหรือช่วยกู้ทุกๆครั้ง แต่พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อและอยู่ใกล้ผู้ที่อ่อนแอเสมอ ไม่ว่าคนหนุ่มสาว คนชรา หรือผู้ด้อยโอกาส หลายร้อยปีที่แล้วเมื่อการถูกจับไปเป็นเชลยในบาบิโลนทำให้คนอิสราเอลอ่อนแอลง อิสยาห์ได้เตือนพวกเขาว่าพระเจ้าเป็นผู้ที่อุ้มชูพวกเขามาตั้งแต่เกิดและจะทรงดูแลพวกเขาต่อไป พระเจ้าทรงตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะว่า “จนกระทั่งเจ้าแก่ เราก็คือ พระองค์นั้น เราจะอุ้มเจ้าจนเจ้าถึงผมหงอก” (อสย.46:4)

พระเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งเราในเวลาที่เราต้องการพระองค์มากที่สุด พระองค์สามารถจัดหาสิ่งที่เราต้องการและทรงเตือนเราว่า พระองค์ทรงอยู่กับเราในทุกๆช่วงของชีวิต พระองค์คือพระเจ้าในทุกๆวันของเรา

พระเจ้าทรงค้ำจุนคุณอย่างไรบ้างในเวลาที่คุณอ่อนแอ พระองค์ทรงต้องการทำงานผ่านคุณอย่างไรเพื่อให้ช่วยเหลือผู้อื่น

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงสมควรแก่การไว้วางใจและทรงพระกรุณา โปรดช่วยข้าพระองค์ให้พึ่งพาพระองค์ขณะที่ข้าพระองค์พบกับความไม่แน่นอน

โดย Jennifer Benson Schuldt

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 79–80; โรม 11:1–18

9 สิงหาคม 2023  

ความเดือดร้อนที่ดีเพื่อพระเจ้า

อ่าน: มัทธิว 12:9–14

มนุษย์คนหนึ่งย่อมประเสริฐยิ่งกว่าแกะมากทีเดียว [ มัทธิว 12:12 ]

วันหนึ่งนักเรียนชั้นป.6 คนหนึ่งสังเกตเห็นเพื่อนกำลังใช้มีดโกนเล็กๆกรีดแขนตัวเอง เธอพยายามจะทำในสิ่งที่ถูกต้องจึงได้แย่งเอามีดโกนมาแล้วโยนทิ้งไป น่าประหลาดที่เธอไม่ได้รับคำชมแต่กลับถูกพักการเรียนเป็นเวลา 10 วัน เหตุผลก็คือเธอมีมีดโกนไว้ในครอบครองแม้ในเวลาสั้นๆ ซึ่งเป็นข้อห้ามของโรงเรียน เมื่อมีคนถามว่าเธอจะทำแบบนั้นอีกไหม เธอตอบว่า “แม้ว่าหนูจะถูกลงโทษ… แต่หนูก็จะทำแบบนั้นอีก” เช่นเดียวกันกับการกระทำของเด็กหญิงคนนี้ที่พยายามทำดีจนเกิดปัญหาขึ้นกับตัวเอง (ต่อมามีการยกเลิกคำสั่งพักการเรียน) การกระทำของพระเยซูที่ทรงนำแผ่นดินของพระเจ้าเข้ามาแทรกแซง ทำให้พระองค์เกิดความเดือดร้อนในทางที่ดีกับพวกผู้นำศาสนา

ฟาริสีตีความว่าการที่พระเยซูรักษาชายคนหนึ่งที่มือลีบเป็นการฝ่าฝืนกฎของพวกเขา พระคริสต์บอกพวกเขาว่าถ้าคนของพระเจ้าได้รับอนุญาตให้ช่วยสัตว์ที่ตกอยู่ในอันตรายในวันสะบาโต “มนุษย์คนหนึ่งย่อมประเสริฐยิ่งกว่าแกะมากทีเดียว” (มธ.12:12) เพราะว่าพระเยซูคือพระผู้เป็นเจ้าแห่งวันสะบาโต พระองค์จึงสามารถกำหนดได้ว่าสิ่งใดทรงอนุญาตและสิ่งใดไม่ทรงอนุญาต (ข้อ 6-8) แม้ทรงรู้ว่าจะทำให้ผู้นำศาสนาไม่พอใจ พระองค์ก็ยังรักษามือของชายผู้นั้นให้หายเป็นปกติ (ข้อ 13-14)

บางครั้งผู้เชื่อในพระคริสต์อาจต้องพบกับ “ความเดือดร้อนที่ดี” คือการทำสิ่งที่ถวายเกียรติพระองค์โดยการช่วยผู้ที่อยู่ในความเดือนร้อน แต่อาจทำให้ บางคนไม่พอใจ เมื่อเราทำโดยที่พระเจ้าทรงนำเรา นั่นคือเรากำลังเลียนแบบพระเยซูและแสดงให้เห็นว่าผู้คนนั้นสำคัญกว่ากฎเกณฑ์และพิธีกรรม

คุณจะสำแดงความกรุณาต่อผู้อื่นได้อย่างไร เพราะเหตุใดคุณจึงควรเต็มใจพบกับความเดือดร้อนที่ดีเพื่อพระเจ้า

ข้าแต่พระเยซู โปรดอย่าให้ข้าพระองค์ปฏิบัติพิธีกรรม ที่จะกีดกันข้าพระองค์จากการรักผู้อื่น

8 สิงหาคม 2023

“แตกต่างกันได้ในพระเยซู”

(เพลงประกอบ แตกต่างไม่แตกแยก - Crossover)

จะไม่เป็นยิวหรือกรีก จะไม่เป็นทาสหรือไท [ กาลาเทีย 3:28 ]

นักวิเคราะห์ธุรกิจชื่อฟรานซิส อีแวนส์เคยทำการศึกษาพนักงานขายประกัน 125 คนเพื่อค้นหาสิ่งที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ น่าประหลาดใจที่ความสามารถไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ แต่อีแวนส์พบว่าลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากพนักงานขายที่มีความคิดเห็นทางการเมือง มีการศึกษา และแม้แต่ความสูงที่เหมือนกัน นักวิชาการเรียกสิ่งนี้ว่า โฮโมฟิลี (homophily) คือแนวโน้มของการชอบคนที่มีความคล้ายคลึงกับเรา

แนวโน้มที่ชอบคนที่คล้ายกับเรานี้เกิดขึ้นในด้านอื่นๆของชีวิตด้วย คือการที่เรามักจะแต่งงานและคบเพื่อนที่คล้ายกับเรา โดยธรรมชาตินั้นแนวโน้มเช่นนี้อาจเป็นอันตรายได้หากไม่มีการควบคุม เพราะเมื่อเราเลือกเฉพาะคนที่ “เป็นเหมือนเรา” สังคมอาจเกิดการแตกแยกในความคิดเห็นด้านเชื้อชาติ การเมือง และเศรษฐกิจ

ในช่วงศตวรรษแรก ชาวยิวอยู่เฉพาะกับชาวยิว ชาวกรีกอยู่เฉพาะกับชาวกรีก คนรวยและคนจนจะไม่ปะปนกัน แต่ในพระธรรมโรม 16:1-16 เปาโลพูดถึงคริสตจักรในกรุงโรมโดยรวมเอาปริสคาและอาควิลลา (ชาวยิว) เอเปเนทัส (กรีก) เฟบี (ผู้ “สงเคราะห์คนหลายคน” จึงน่าจะเป็นผู้มีฐานะ) และฟีโลโลกัส (ชื่อที่ใช้ทั่วไปสำหรับทาส) ผู้คนที่แตกต่างกันเหล่านี้มารวมตัวกันเพราะใคร เพราะพระเยซู ซึ่งในพระองค์นั้น “จะไม่เป็นยิวหรือกรีก จะไม่เป็นทาสหรือไท” (กท.3:28)

เป็นเรื่องธรรมชาติที่เราต้องการใช้ชีวิต ทำงาน และไปคริสตจักรกับคนที่เหมือนเรา แต่พระเยซูทรงผลักดันให้เราทำมากกว่านั้น ในโลกที่ผู้คนแตกแยกกันไปตามเส้นแบ่งหลายๆอย่าง พระองค์ทรงทำให้เราเป็นคนที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยก โดยรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในฐานะครอบครัวของพระองค์

อ่าน: กาลาเทีย 3:23–29 | อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 74–76; โรม 9:16–33

7 สิงหาคม 2023  

แสงสว่างเล็กๆนับพัน

อ่าน: เอเฟซัส 5:8–20

จงดำเนินชีวิตอย่างลูกของความสว่าง [ เอเฟซัส 5:8 ]

วนอุทยานดิสมอลส์แคนยอนทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐอลาบาม่า เป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากในแต่ละปี นักท่องเที่ยวจะมากันเยอะในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ซึ่งเป็นเวลาที่ตัวอ่อนของริ้นฟักตัวออกมากลายเป็นหนอนเรืองแสง ในเวลากลางคืนหนอนเรืองแสงเหล่านี้จะเปล่งแสงสีฟ้าแพรวพราย และการอยู่รวมตัวกันของหนอนนับพันตัวเหล่านี้ก่อให้เกิดแสงสว่างอันน่าทึ่ง

อัครทูตเปาโลได้เขียนถึงผู้เชื่อในพระคริสต์ว่าเป็นเหมือนหนอนเรืองแสงนี้เช่นกัน ท่านอธิบายว่า “เพราะว่าเมื่อก่อนท่านเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างแล้วในองค์พระผู้เป็นเจ้า” (อฟ.5:8) แต่บางครั้งเราสงสัยว่า “แสงสว่างเล็กๆของฉัน” จะมีความหมายอะไร เปาโลไม่ได้แนะนำให้เราทำคนเดียว ท่านเรียกให้เราเป็น “ลูกของความสว่าง” (ข้อ 8) และอธิบายว่าเรา “เข้าส่วนได้รับมรดกด้วยกันกับธรรมิกชนในความสว่าง” (คส.1:12) การเป็นความสว่างในโลกนั้นเป็นการกระทำที่ร่วมมือกัน เป็นการทำงานของพระกายพระคริสต์ เป็นการทำงานของคริสตจักร เปาโลตอกย้ำเรื่องนี้ด้วยภาพของเราที่เป็น “หนอนเรืองแสง” ที่นมัสการร่วมกัน “ปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญ” (อฟ.5:19)

เมื่อเราเกิดท้อใจและคิดว่าคำพยานชีวิตของเราเป็นเพียงจุดเล็กๆท่ามกลางความมืดมิดของผู้ที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า เวลานั้นให้เรามีความมั่นใจจากพระคัมภีร์ เราไม่ได้อยู่ตามลำพัง เมื่อเราร่วมมือกันตามการทรงนำของพระเจ้า เราจะสร้างความแตกต่างและเปล่งแสงอันงดงาม เหมือนกับที่ชุมนุมของหนอนเรืองแสงที่ดึงดูดความสนใจของคนได้อย่างมากมาย

คุณได้รับการหนุนใจอย่างไรบ้างเมื่อรู้ว่าคุณไม่ได้อยู่ตามลำพังในพระคริสต์ คุณจะส่องสว่างร่วมกับผู้เชื่อคนอื่นในวันนี้ได้อย่างไร

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ส่องความสว่างของพระองค์ ร่วมกับผู้เชื่อคนอื่นๆในพระเยซู

โดย Kenneth Petersen

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 72–73; โรม 9:1–15

 6 สิงหาคม 2023  

ปลดปล่อยจากการเป็นทาส

อ่าน: อพยพ 6:1–8

เราจะนำพวกเจ้าไปให้พ้น...จากการเป็นทาสเขา [ อพยพ 6:6 ]

“ท่านเป็นเหมือนโมเสส ผู้นำเราออกจากการเป็นทาส” จามิล่าร้องออกมาเสียงดัง เธอเป็นคนงานเตาเผาอิฐที่ต้องอยู่ทำงานเพื่อใช้หนี้ในประเทศปากีสถาน เธอและครอบครัวทุกข์ทรมานเนื่องจากเป็นหนี้เจ้าของเตาเผาในจำนวนที่มากเกินไป เงินที่ได้มาจากการทำงานส่วนใหญ่ก็แค่พอสำหรับจ่ายค่าดอกเบี้ยเท่านั้น แต่เมื่อพวกเขาได้รับของขวัญจากหน่วยงานที่ไม่แสวงกำไรที่ช่วยปลดหนี้ให้พวกเขา พวกเขารู้สึกว่าได้รับการปลดปล่อยครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการขอบคุณตัวแทนของหน่วยงานสำหรับอิสรภาพนี้ จามิล่าซึ่งเป็นผู้เชื่อในพระเยซู ได้ชี้ไปที่ตัวอย่างที่พระเจ้าปลดปล่อยโมเสสและคนอิสราเอลจากการเป็นทาส

คนอิสราเอลถูกชาวอียิปต์กดขี่ข่มเหงเป็นเวลาหลายร้อยปี ถูกใช้แรงงานในสภาพที่โหดร้าย พวกเขาร้องหาพระเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือ (อพย.2:23) แต่พวกเขากลับถูกใช้งานหนักกว่าเดิม เพราะฟาโรห์องค์ใหม่ไม่ได้สั่งให้พวกเขาทำอิฐเพียงอย่างเดียว แต่ต้องไปเก็บฟางสำหรับใช้ทำอิฐด้วย (5:6-8) เมื่อคนอิสราเอลไม่หยุดที่จะร้องขอเพื่อให้พ้นจากการถูกกดขี่ข่มเหง พระเจ้าจึงทรงย้ำถึงคำสัญญาที่จะทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขา (6:7) พวกเขาจะไม่เป็นทาสอีกต่อไป เพราะพระองค์จะช่วยกู้พวกเขาด้วย “แขนที่เหยียดออก” (ข้อ 6 TNCV)

ภายใต้ข้อปฏิบัติจากพระเจ้า โมเสสก็ได้นำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ (ดูบทที่ 14) วันนี้ พระเจ้ายังทรงช่วยกู้เราด้วยแขนที่เหยียดออกของพระเยซู พระบุตรของพระองค์ที่บนไม้กางเขน เราเป็นอิสระจากการตกเป็นทาสต่อบาปที่ครั้งหนึ่งเคยควบคุมเราไว้ ขณะนี้เราไม่ใช่ทาสอีกต่อไป แต่เป็นอิสระแล้ว!

พระเจ้าทรงนำเสรีภาพมาให้คุณอย่างไร คุณจะหนุนใจผู้อื่นที่กำลังตกเป็นทาสอะไรบางอย่างได้อย่างไรบ้าง

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มา เพื่อมอบอิสรภาพจากความบาปให้แก่ข้าพระองค์

07:03 pitsamai

5 สิงหาคม 2023  

สิ่งสำคัญต่อหน้าพระเจ้า

อ่าน: ลูกา 10:38–42

มารีย์ได้เลือกเอาส่วนดีนั้น [ ลูกา 10:42 ]

ในปี 2009 ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้ทำการศึกษานักเรียนมากกว่าสองร้อยคนในงานทดลองหนึ่งที่ให้มีการสลับกันระหว่างการทำงานและการใช้ความจำ น่าประหลาดใจที่ผลวิจัยพบว่า นักเรียนที่มองว่าตัวเองสามารถทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เพราะมีนิสัยชอบทำอะไรหลายอย่างไปพร้อมๆกัน กลับได้ผลแย่กว่ากลุ่มที่ชอบทำงานทีละอย่าง การทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันทำให้ยากต่อการจดจ่อความคิดและการกรองข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้อง การรักษาสมาธิขณะมีสิ่งรบกวนอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก

เมื่อพระเยซูทรงเสด็จเยี่ยมมารีย์และมารธาที่บ้าน มารธาก็ยุ่งในการทำงานและ “ยุ่งในการปรนนิบัติมาก” (ลก.10:40) ส่วนน้องสาวของเธอคือมารีย์นั้นเลือกที่จะนั่งฟังพระเยซูสอน รับเอาสติปัญญาและสันติสุขที่ไม่มีใครจะชิงเอาไปจากเธอได้ (ข้อ 39-42) เมื่อมารธาขอให้พระเยซูบอกมารีย์ให้มาช่วยเธอ พระองค์ตรัสตอบว่า “เธอกระวนกระวายและร้อนใจด้วยหลายสิ่งนัก สิ่งซึ่งต้องการนั้นมีแต่สิ่งเดียว” (ข้อ 41-42)

พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะได้ความสนใจจากเรา แต่เช่นเดียวกับมารธาที่บ่อยครั้งเราถูกหันเหความสนใจไปด้วยการงานและปัญหาต่างๆ เราละเลยการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าแม้ว่าพระองค์เพียงผู้เดียวที่สามารถมอบสติปัญญาและความหวังที่เราต้องการได้ เมื่อเราให้การใช้เวลากับพระองค์โดยการอธิษฐานและจดจ่อที่พระคัมภีร์มาก่อนสิ่งอื่นใด พระองค์ก็จะมอบคำแนะนำและกำลังที่เราต้องการเพื่อจัดการกับปัญหาที่เราเผชิญอยู่นั้น

อะไรที่ทำให้คุณหันเหความสนใจไปจากพระเจ้า การหันความสนใจให้กลับไปอยู่ที่พระองค์จะทำให้คุณเกิดความชัดเจนได้อย่างไร

ข้าแต่พระบิดาเจ้า บางครั้งข้าพระองค์พยายามจัดการกับหลายสิ่งหลายอย่างในเวลาเดียวกัน โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ขจัดสิ่งรบกวนเหล่านั้นและเข้ามาใกล้พระองค์มากขึ้น

โดย Kimya Loder

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 68–69; โรม 8:1–21

4 สิงหาคม 2023  

ผู้ให้ที่ลี้ภัย

อ่าน: นางรูธ 3:1–9

ขอให้ท่านกางชายเสื้อของท่านห่มคนใช้ของท่านด้วย เพราะท่านเป็นญาติสนิทถัดมา [ นางรูธ 3:9 ]

ฟิลและแซนดี้รู้สึกประทับใจกับเรื่องราวของเด็กๆที่เป็นผู้ลี้ภัย พวกเขาเปิดใจและเปิดบ้านรับเลี้ยงเด็กสองคน หลังจากไปรับเด็กๆที่สนามบินแล้ว ในความเงียบนั้นพวกเขาขับรถกลับบ้านด้วยความรู้สึกกังวล พวกเขาจะพร้อมรับสิ่งที่ต้องเจอไหม พวกเขามีความแตกต่างทั้งทางวัฒนธรรม ภาษา และศาสนา แต่ตอนนี้พวกเขาได้กลายมาเป็นผู้ให้ที่ลี้ภัยแก่เด็กที่มีค่าสองคนนี้แล้ว

โบอาสประทับใจกับเรื่องราวของนางรูธ เขาได้ยินว่าเธอจากญาติพี่น้องของเธอมาเพื่อช่วยเหลือนางนาโอมี และเมื่อนางรูธมาเก็บข้าวในนาของเขา เขาจึงได้อธิษฐานอวยพรเธอว่า “ขอพระเจ้าทรงตอบแทนความดีของเจ้าตามที่เจ้าได้กระทำมาแล้วนั้นเถิด และขอให้พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล ซึ่งเจ้าเข้ามาพึ่งใต้ร่มบารมี [ปีก]ของพระองค์นั้น จงทรงปูนบำเหน็จอันบริบูรณ์แก่เจ้า” (นางรูธ 2:12)

นางรูธเตือนให้โบอาสคิดถึงคำอวยพรของเขาตอนที่เธอเข้ามาขัดจังหวะการนอนของเขาในคืนหนึ่ง โบอาสรู้สึกตัวตื่นเมื่อมีความเคลื่อนไหวอยู่ที่ปลายเท้า เขาจึงถามว่า “เจ้าเป็นใคร” นางตอบว่า “ดิฉันคือรูธคนใช้ของท่านค่ะ ขอให้ท่านกางชายเสื้อของท่านห่มคนใช้ของท่านด้วย เพราะท่านเป็นญาติสนิทถัดมา” (3:9)

ในภาษาฮีบรู คำว่าชายเสื้อและปีก[ร่มบารมี]เป็นคำเดียวกัน โบอาสจึงให้ที่ลี้ภัยแก่นางรูธด้วยการแต่งงานกับเธอ และเหลนของพวกเขาคือดาวิดผู้ได้สะท้อนเรื่องราวนี้ในคำสรรเสริญพระเจ้าของชาวอิสราเอลว่า “ข้าแต่พระเจ้า ความรักมั่นคงของพระองค์ประเสริฐสักเท่าใด ลูกหลานของมนุษย์เข้าลี้ภัยอยู่ใต้ร่มปีกของพระองค์” (สดด.36:7)

มีใครเคยให้ที่ลี้ภัยแก่คุณตอนไหนบ้าง และคุณรู้สึกอย่างไร

คุณอาจให้ที่ลี้ภัยแก่ผู้อื่นได้อย่างไรบ้าง ไม่ว่าในแบบเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่

ข้าแต่พระบิดาเจ้า ข้าพระองค์ลี้ภัยอยู่ในพระองค์ ขอทรงใช้ข้าพระองค์เพื่อนำผู้อื่นมาลี้ภัยในพระองค์ด้วยเถิด

3 สิงหาคม 2023  

ความจริงใจและความอ่อนแอ

อ่าน: ยากอบ 5:13–20

เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐาน เพื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะพ้นโรคภัย [ ยากอบ 5:16 ]

“สวัสดี เป่าฟาง!” เพื่อนที่โบสถ์คนหนึ่งส่งข้อความมา “ในการประชุมกลุ่มแคร์ของเดือนนี้ ขอให้ทุกคนทำตามที่ยากอบ 5:16 กล่าวไว้กันเถอะ ให้เรามาสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยของการไว้ใจและการรักษาความลับ เพื่อเราจะสามารถแบ่งปันสิ่งที่เรากำลังต่อสู้ในชีวิตและอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกัน”

ฉันไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไรอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แม้ว่าสมาชิกในกลุ่มเล็กๆของเราจะรู้จักกันมาหลายปี แต่เราไม่เคยแบ่งปันความเจ็บปวดหรือสิ่งที่เราต้องต่อสู้ให้กันและกันฟังเลย เพราะในท้ายที่สุดแล้วการให้คนอื่นรู้จุดอ่อนแอของเราเป็นเรื่องที่น่ากลัว

แต่ความจริงคือเราทุกคนเป็นคนบาปและต่างก็มีปัญหา เราทุกคนล้วนต้องการพระเยซู การพูดคุยอย่างจริงใจถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าและการพึ่งพาในพระคริสต์ เป็นทางหนึ่งที่จะหนุนใจเราให้เชื่อวางใจในพระองค์ต่อไป เมื่อเรามีพระเยซูนั้น เราก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่าชีวิตเราไม่มีปัญหาอีกต่อไป

ดังนั้นฉันจึงตอบว่า “ได้สิ เรามาเริ่มกันเลย” ตอนแรกเราก็รู้สึกแปลกๆ แต่เมื่อมีคนหนึ่งเปิดใจและแบ่งปัน คนต่อมาก็ทำตาม แม้จะยังมีบางคนที่ไม่พูด แต่เราก็เข้าใจ ไม่มีใครกดดันใคร ในตอนท้ายเราจบลงด้วยการทำในส่วนที่สองของพระธรรมยากอบ 5:16 ที่ว่า “จงอธิษฐานเพื่อกันและกัน”

ในวันนั้นฉันได้พบกับความงดงามของการสามัคคีธรรมกับผู้เชื่อในพระเยซู เพราะความเชื่อที่เรามีร่วมกันในพระคริสต์ เราจึงสามารถเปิดเผยถึงความอ่อนแอของเราต่อกันและกัน และพึ่งพาพระองค์และเพื่อนๆคนอื่นที่จะช่วยเหลือในความอ่อนแอและปัญหาของเรา

ในขณะที่เราต้องรู้จักแยกแยะนั้น คุณจะทำสิ่งใดเพื่อจะหนุนใจให้เกิดการแบ่งปันอย่างแท้จริงในชุมชนคริสตจักรของคุณ ใครที่คุณสามารถแบ่งปันถึงปัญหาที่คุณกำลังต่อสู้อยู่ได้

ข้าแต่พระบิดาเจ้า ขอบพระคุณที่ทรงวางข้าพระองค์ไว้ในครอบครัวของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะพบการช่วยเหลือให้เติบโตเป็นเหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้น

โดย Poh Fang Chia

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 63-65; โรม 6

2 สิงหาคม 2023  

ผู้มีอำนาจและผู้อ่อนแอ

อ่าน: เอเสเคียล 34:1–2, 7–12

วิบัติแก่ผู้เลี้ยงแกะแห่งอิสราเอล...ตัวที่อ่อนเพลียเจ้าก็ไม่เสริมกำลัง ตัวที่เจ็บเจ้าก็ไม่รักษา

[ เอเสเคียล 34:2, 4 ]

ประเพณีที่อบอุ่นหัวใจที่สุดในฟุตบอลมหาวิทยาลัยนั้นอาจจะเป็นที่มหาวิทยาลัยไอโอวา ที่นั่นมีโรงพยาบาลเด็กชื่อสเตดแฟมิลี่ที่อยู่ติดกับสนามกีฬาไอโอวาคินนิค และที่ชั้นบนสุดของโรงพยาบาลมีหน้าต่างกระจกสูงจากพื้นถึงเพดานที่ทำให้มองเห็นวิวของสนามได้ชัดเจน ในวันที่มีการแข่งขันเด็กๆที่เป็นคนไข้และครอบครัวจะมากันเต็มชั้นนั้นเพื่อดูการแข่งขันด้านล่าง และในช่วงท้ายของการเล่น 15 นาทีแรก บรรดาโค้ช นักกีฬา และแฟนบอลนับพันคนจะหันมาทางโรงพยาบาลและโบกมือให้ ในช่วงเวลานั้นดวงตาของเด็กๆจะเปล่งประกาย เป็นสิ่งที่ทรงพลังมากเมื่อได้เห็นนักกีฬา คนดูที่แน่นขนัดเต็มสนามและอีกหลายพันคนที่รับชมทางโทรทัศน์ใช้เวลาที่จะหยุดและแสดงความห่วงใย

พระคัมภีร์สอนผู้มีอำนาจ (และเราทุกคนมีอำนาจในทางใดทางหนึ่ง) ให้ห่วงใยผู้อ่อนแอ ดูแลผู้ที่กำลังมีปัญหา และเอาใจใส่ผู้ที่ร่างกายบอบช้ำ แต่ทว่าหลายครั้งที่เราละเลยคนเหล่านั้นที่ต้องการการดูแล       (อสค.34:6) ผู้เผยพระวจนะเอเสเคียลได้กล่าวโทษผู้นำอิสราเอลในความเห็นแก่ตัวของพวกเขา ที่ไม่เอาใจใส่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างมากที่สุด พระเจ้าตรัสผ่านเอเสเคียลว่า “วิบัติแก่ผู้เลี้ยงแกะแห่งอิสราเอล…ตัวที่อ่อนเพลียเจ้าก็ไม่เสริมกำลัง ตัวที่เจ็บเจ้าก็ไม่รักษา” (ข้อ 2,4)

บ่อยครั้งแค่ไหนที่ความสำคัญในเรื่องส่วนตัว หลักปรัชญาการเป็นผู้นำหรือนโยบายเศรษฐกิจของเรา ทำให้เราไม่ค่อยได้ใส่ใจคนเหล่านั้นที่ทุกข์ยาก พระเจ้าได้ทรงสำแดงให้เราเห็นวิถีทางที่แตกต่างออกไป เป็นวิถีทางที่ผู้มีอำนาจจะคอยเฝ้าดูแลผู้ที่อ่อนแอ (ข้อ 11-12)

คุณเคยเห็นผู้ที่มีอำนาจดูแลผู้อ่อนแออย่างไรบ้าง

และพวกเขาละเลยผู้อ่อนแออย่างไร

ข้าแต่พระบิดาในสวรรค์ โปรดสอนให้ข้าพระองค์รักเหมือนที่พระองค์ทรงรัก

1 สิงหาคม 2023  

ความเชื่อของเด็ก

อ่าน: ลูกา 18:15–17

พระเยซู...ตรัสว่า “จงยอมให้เด็กเล็กๆเข้ามาหาเรา” [ ลูกา 18:16 ]

ขณะที่ยายบุญธรรมของเรานอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลหลังจากเกิดเส้นเลือดในสมองอุดตันหลายครั้ง หมอไม่แน่ใจว่าสมองของท่านได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใด พวกเขาต้องรอจนยายมีอาการดีกว่านี้อีกหน่อยก่อนที่จะตรวจการทำงานของสมอง ยายพูดน้อยมากและสิ่งที่ท่านพูดส่วนใหญ่เราก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เมื่อยายวัย 86 ที่ดูแลลูกสาวของฉันมา 12 ปีเห็นหน้าฉัน ท่านก็เปิดปากอันแห้งผากและถามว่า “เคย์ล่าเป็นอย่างไรบ้าง” คำแรกที่ท่านพูดกับฉันนั้นเป็นเรื่องลูกสาวของฉันที่ท่านรักของท่านอย่างเต็มหัวใจ

พระเยซูก็ทรงรักเด็กด้วยเช่นกัน และพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับพวกเขาแม้เหล่าสาวกจะไม่เห็นด้วย พ่อแม่บางคนแสวงหาพระคริสต์และมอบลูกๆให้กับพระองค์ พระองค์ทรงเลือกที่จะอวยพรเด็กๆขณะที่พระองค์ “ถูกต้องทารกนั้น” (ลก.18:15) แต่ไม่ใช่ทุกคนจะดีใจที่พระองค์อวยพรเด็กๆ บรรดาสาวกต่อว่าพวกพ่อแม่และขอให้เลิกรบกวนพระเยซูได้แล้ว แต่พระเยซูทรงเข้ามาห้ามและบอกว่า “จงยอมให้เด็กเล็กๆเข้ามาหาเรา” (ข้อ 16) พระองค์เรียกพวกเขาว่าเป็นตัวอย่างของการที่เราจะได้รับแผ่นดินของพระเจ้า คือเพียงแค่เราพึ่งพา ไว้วางใจ และบริสุทธิ์ใจ

เด็กเล็กนั้นมักไม่มีอะไรแอบแฝงอยู่ในใจ เห็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ขณะที่พระบิดาในสวรรค์ทรงช่วยให้เรามีความไว้วางใจเหมือนเด็กอีกครั้งนั้น ก็ขอให้เราเชื่อและพึ่งพาในพระองค์อย่างตรงไปตรงมาเหมือนเช่นเด็กเล็กๆ

คุณจะเลียนแบบความบริสุทธิ์ใจของเด็กๆในความสัมพันธ์ที่คุณมีกับพระเจ้าได้อย่างไร

คุณจะอวยพรเด็กๆในครอบครัวและชุมชมของคุณอย่างไร

ข้าแต่พระบิดาเจ้า เมื่อข้าพระองค์รับเอาแผ่นดินของพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์เปิดเผยและจริงใจเหมือนเช่นเด็กๆ

โดย Katara Patton

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 57–59; โรม 4

31 กรกฎาคม 2023  

อยู่ในทางของพระเจ้า

อ่าน: เฉลยธรรมบัญญัติ5.1-11

ดูก่อน คนอิสราเอล ท่านทั้งหลายจงฟังกฎเกณฑ์และกฎหมายซึ่งข้าพเจ้ากล่าว ให้เข้าหูของท่านทั้งหลายในวันนี้ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้จดจำ และกระทำตามด้วยความระมัดระวัง [ เฉลยธรรมบัญญัติ 5:1 ]

เมื่อหลายปีก่อนรถไฟบรรทุกผู้โดยสาร 218 คนตกรางทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 79 คนและเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกกว่า 66 คน คนขับไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ได้ แต่คลิปวิดีโอสามารถอธิบายได้ว่ารถไฟขบวนดังกล่าวแล่นเร็วเกินไปก่อนที่จะพุ่งเข้าสู่โค้งมรณะ มีการจำกัดความเร็วสูงสุดที่รถไฟสามารถวิ่งได้เพื่อปกป้องผู้โดยสารรถไฟทุกคน แม้คนขับจะเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศสเปนที่มีประสบการณ์มานานถึงสามสิบปี แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นที่จะเพิกเฉยต่อการจำกัดความเร็วซึ่งทำให้คนจำนวนมากต้องเสียชีวิต

ในเฉลยธรรมบัญญัติ 5 โมเสสได้ทบทวนขอบเขตของพันธสัญญาเดิมให้ประชากรของพระเจ้าฟัง โมเสสหนุนใจคนรุ่นใหม่ให้ถือว่าคำสอนของพระเจ้าเป็นพันธสัญญาระหว่างพวกเขากับพระเจ้า (ข้อ 3) จากนั้นท่านก็ทบทวนพระบัญญัติสิบประการ (ข้อ 7-21) โดยการย้ำถึงพระบัญญัติและบทเรียนจากการไม่เชื่อฟังของคนรุ่นก่อน โมเสสได้เชื้อเชิญให้คนอิสราเอลมีความยำเกรง ความถ่อมใจ และระลึกถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า พระเจ้าทรงเตรียมทางไว้ให้กับประชากรของพระองค์เพื่อพวกเขาจะไม่ทำลายชีวิตของตนเองหรือของผู้อื่น หากพวกเขาเพิกเฉยต่อพระปัญญาของพระเจ้า พวกเขาจะต้องพบกับอันตราย

วันนี้ในขณะที่พระเจ้าทรงนำเรา ขอให้พระคัมภีร์ทั้งหมดเป็นความยินดี เป็นที่ปรึกษา และเป็นรั้วป้องกันให้กับชีวิตของเรา และในขณะที่พระวิญญาณทรงชี้นำเรา เราสามารถอยู่ในทางที่มีการปกป้องอันชาญฉลาดของพระองค์ และมอบถวายชีวิตทั้งหมดของเราให้กับพระองค์ด้วยสุดใจ

เมื่อใดที่ขอบเขตของพระเจ้าดูเหมือนเข้มงวด มากกว่าที่จะให้อิสระกับคุณ

ขอบเขตที่ทรงกั้นไว้นั้นแสดงถึงความรักที่พระองค์ทรงมีต่อคุณอย่างไร

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์แสดงความรักต่อพระองค์ผ่านการเชื่อฟัง

30 กรกฎาคม 2023  

คนชั้นล่าง

อ่าน: 1 โครินธ์ 12:12-14, 21-27

ที่จริงอวัยวะที่เราเห็นว่าอ่อนแอ เราก็ขาดเสียไม่ได้ [ 1 โครินธ์ 12:22 ]

เพื่อนของฉันทำงานอยู่บนเรือพยาบาลที่มีชื่อว่าแอฟริกาเมอร์ซี่ ซึ่งให้บริการด้านการรักษาพยาบาลฟรีแก่ประเทศที่กำลังพัฒนา โดยเจ้าหน้าที่จะให้บริการผู้ป่วยที่ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงการรักษาพยาบาลวันละหลายร้อยคน

ทีมงานโทรทัศน์ที่ขึ้นไปบนเรือเป็นระยะๆได้ถ่ายทำเรื่องราวที่น่าทึ่งของบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังทำการรักษาคนไข้ที่เป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่และโรคเท้าปุก บางครั้งพวกเขาจะลงไปที่ชั้นล่างเพื่อสัมภาษณ์ลูกเรือคนอื่นๆ แต่งานที่มิคทำมักจะไม่มีใครสังเกตเห็น

มิคซึ่งเป็นวิศวกรยอมรับว่าเขารู้สึกประหลาดใจที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำงานในสถานที่เช่นนั้น คือที่ห้องบำบัดน้ำเสียของเรือ ปริมาณขยะบนเรือในแต่ละวันนั้นมีมากกว่าสามหมื่นกิโลกรัม การจัดการกับขยะพิษนี้เป็นงานที่ยาก ถ้าไม่มีมิคคอยดูแลท่อและปั๊มน้ำ ปฏิบัติการช่วยชีวิตของแอฟริกาเมอร์ซี่จะยุติลง

เป็นเรื่องง่ายที่จะยกย่องคนเหล่านั้นที่อยู่บน “ดาดฟ้าเรือชั้นบนสุด” ของพันธกิจคริสเตียน ในขณะที่มองข้ามผู้ที่อยู่ในครัวด้านล่าง เมื่อชาวโครินธ์ ยกย่องผู้ที่มีของประทานพิเศษเหนือผู้อื่น เปาโลเตือนพวกเขาว่าผู้เชื่อทุกคนต่างก็มีบทบาทหน้าที่ในงานของพระคริสต์ (1 คร.12:7-20) และของประทานทุกอย่างล้วนมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคหรือการช่วยเหลือผู้อื่น (ข้อ 27-31) อันที่จริงยิ่งบทบาทนั้นโดดเด่นน้อยเท่าไหร่ ยิ่งสมควรจะได้รับเกียรติมากขึ้นเท่านั้น (ข้อ 22-24)

คุณเป็นคน “ชั้นล่าง” หรือเปล่า จงเงยหน้าขึ้น งานของคุณจะได้รับเกียรติจากพระเจ้าและสำคัญสำหรับเราทุกคน

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณเปรียบเทียบของประทานของคุณกับผู้อื่น

มีคน “ชั้นล่าง” คนใดที่คุณสามารถยืนยันถึงความพยายามของเขาในวันนี้

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์มีความสำคัญสำหรับพระองค์ ขอบพระคุณที่สังเกตเห็นข้าพระองค์ ไม่ว่าคนอื่นจะเห็นข้าพระองค์หรือไม่ก็ตาม

29 กรกฎาคม 2023

กรุณาอยู่เงียบๆ

อ่าน: ลูกา 5:12-16

พระเยซูมักจะทรงปลีกตัวไปอยู่ในที่สงบและอธิษฐาน [ ลูกา 5:16 TNCV]

กรีนแบงก์ในรัฐเวสต์เวอร์จิเนียเป็นชุมชนเล็กๆบนเทือกเขาแอปปาลาเชียนที่ขรุขระ เมืองนี้มีข้อยกเว้นที่สำคัญประการหนึ่ง ซึ่งคล้ายกับเมืองเล็กๆ อีกหลายสิบเมืองที่อยู่ในบริเวณใกล้กัน คือชาวเมืองทั้ง 142 คนที่อาศัยอยู่ในเมืองจะไม่สามารถเข้าถึงสัญญาณไวไฟได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันคลื่นรบกวนจากสัญญาณไวไฟ หรือเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือใกล้กับหอสังเกตการณ์กรีนแบงก์ ซึ่งมีกล้องโทรทรรศน์ที่หันตรงไปยังท้องฟ้า ด้วยเหตุนี้กรีนแบงก์จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ปลอดเทคโนโลยีมากที่สุดในอเมริกาเหนือ

บางครั้งความเงียบคือสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดสำหรับการก้าวไปข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า พระเยซูเองทรงวางแบบอย่างในเรื่องนี้โดยการออกไปยังที่เปลี่ยวและเงียบสงบเพื่อพูดคุยกับพระบิดา ในลูกา 5:16 (TNCV) เราพบว่า “พระเยซูมักจะทรงปลีกตัวไปอยู่ในที่สงบและอธิษฐาน” คำสำคัญในข้อนี้อาจจะอยู่ที่คำว่า มักจะ นี่เป็นสิ่งที่พระคริสต์ทำเป็นประจำ และเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบสำหรับเรา หากพระผู้สร้างจักรวาลยังตระหนักถึงความสำคัญของการพึ่งพาพระบิดา เราจะยิ่งต้องการพระองค์มากสักเพียงใด!

การออกไปยังสถานที่ที่เงียบสงบเพื่อรับกำลังที่สดใหม่ท่ามกลางการทรงสถิตของพระเจ้าจะช่วยเตรียมเราให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกำลังใหม่จากพระองค์ วันนี้คุณจะพบสถานที่เช่นนี้ได้ที่ไหนบ้าง

มีสิ่งใดที่สามารถรบกวนเวลาในการอธิษฐานของคุณ

การกำหนดสถานที่ที่เงียบสงบสามารถช่วยคุณให้จดจ่อกับการอธิษฐานได้อย่างไร

พระบิดา บางครั้งเสียงที่อยู่เบื้องหลังชีวิตในโลกนี้ก็ทำให้ข้าพระองค์หูหนวก เบี่ยงเบนความสนใจ และขัดขวางไม่ให้ข้าพระองค์ใช้เวลากับพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้พบสถานที่ที่ข้าพระองค์จะสามารถหลีกหนีจากทุกสิ่งและชื่นชมอยู่ในการทรงสถิตของพระองค์

โดย Bill Crowder

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 49-50; โรม 1

28 กรกฎาคม 2023

เกมที่ยาวนาน​

อ่าน: อพยพ 5:1-9

พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “บัดนี้เจ้าจะได้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งเราจะกระทำแก่ฟาโรห์” [ อพยพ 6:1 ]

เมื่อประเทศของตูนเกิดการรัฐประหาร กองทัพเริ่มคุกคามผู้เชื่อในพระเยซูและฆ่าสัตว์เลี้ยงในฟาร์มของพวกเขา เมื่อไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ครอบครัวของตูนก็กระจัดกระจายไปยังประเทศต่างๆ เป็นเวลาเก้าปีที่ตูนต้องอยู่ในค่ายอพยพและห่างไกลจากครอบครัวเขารู้ว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเขา แต่ในระหว่างการพลัดพรากนั้นสมาชิกในครอบครัวสองคนได้เสียชีวิตลง และตูนเริ่มท้อแท้

นานมาแล้วมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องเผชิญกับการกดขี่อย่างโหดเหี้ยม พระเจ้าจึงทรงแต่งตั้งโมเสสให้นำผู้คนเหล่านั้น คือชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ โมเสสยอมรับอย่างไม่เต็มใจนัก แต่เมื่อท่านไปเฝ้าฟาโรห์ กษัตริย์แห่งอียิปต์รังแต่จะเพิ่มการข่มเหงต่อชนชาติอิสราเอล (อพย.5:6-9) โดยกล่าวว่า “เราไม่รู้จักพระเจ้า และยิ่งกว่านั้นเราจะไม่ยอมปล่อยคนอิสราเอลไปเป็นอันขาด” (ข้อ 2) ประชาชนพากันบ่นต่อว่าโมเสส ซึ่งท่านก็ไปบ่นกับพระเจ้าต่อ (ข้อ 20-23)

ท้ายที่สุดพระเจ้าได้ปลดปล่อยชนชาติอิสราเอล และพวกเขาได้รับอิสรภาพที่พวกเขาต้องการ แต่ในวิถีทางและเวลาของพระเจ้า พระองค์ทรงเล่นเกมที่ยาวนานเพื่อสอนเราถึงพระลักษณะของพระองค์ และเตรียมเราสำหรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น

ตูนใช้เวลาหลายปีในค่ายอพยพให้เป็นประโยชน์ จนเขาได้รับปริญญาโทจากโรงเรียนพระคริสตธรรมในนิวเดลี ตอนนี้เขาเป็นศิษยาภิบาลให้กับผู้ลี้ภัยที่เป็นคนชาติเดียวกับเขา ผู้ซึ่งได้พบกับบ้านหลังใหม่ ตูนเป็นพยานว่า “เรื่องราวของผมในฐานะผู้ลี้ภัยเป็นเบ้าหลอมสำหรับการเป็นผู้นำในฐานะผู้รับใช้” และเขาได้พูดถึงบทเพลงของโมเสสในอพยพ 15:2 ว่า “พระเจ้าทรงเป็นผู้พิทักษ์ผู้ออกรบแทนข้าพเจ้า” และวันนี้ พระองค์ทรงเป็นเช่นนั้นสำหรับเราเช่นกัน

มีสิ่งใดที่คุณอยากถามพระเจ้าบ้าง

คุณจะวางใจได้อย่างไรว่าพระองค์จะทรงรักษาคำพูด

พระบิดาในสวรรค์ ข้าพระองค์สามารถพึ่งพาพระองค์ได้ตลอดเวลา โปรดอภัยเมื่อข้าพระองค์มองข้ามความจริงข้อนี้ไป

โดย Tim Gustafson

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 46-48; กิจการ 28

27 กรกฎาคม 2023

ต้องการพระคุณเป็นพิเศษ

อ่าน: เอเฟซัส 2:1-10

ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่...ด้วยการกระทำ

[ เอเฟซัส 2:8-9 ]

ขณะที่เราตกแต่งสถานที่สำหรับจัดงานพิเศษที่คริสตจักร ผู้หญิงที่เป็นแม่งานก็บ่นไม่หยุดเรื่องที่ฉันไม่มีประสบการณ์ หลังจากที่เธอเดินออกไป ผู้หญิงอีกคนก็เดินเข้ามาหาฉันและพูดว่า “อย่าไปสนใจเธอเลย เธอคือบุคคลที่เราเรียกว่า E.G.R – Extra Grace Required (ต้องการพระคุณเป็นพิเศษ)”

ฉันหัวเราะ จากนั้นไม่นานฉันก็เริ่มใช้ฉายาดังกล่าวกับใครก็ตามที่ฉันมีปัญหาด้วย หลายปีต่อมาฉันได้ยินข่าวการเสียชีวิตของ E.G.R. ผู้นี้ที่คริสตจักรแห่งเดิม ศิษยาภิบาลเล่าว่าเธอเป็นคนที่รับใช้พระเจ้าอยู่เบื้องหลังและมีจิตใจโอบอ้อมอารี ฉันขอพระเจ้ายกโทษที่ไปตัดสินและนินทาเธอ รวมถึงใครก็ตามในอดีตที่ฉันเคยเรียกเขาว่า E.G.R ทั้งๆที่ตัวฉันเองนั่นแหละที่ต้องการพระคุณเป็นพิเศษมากพอๆกับผู้เชื่อคนอื่นๆ

ในเอเฟซัส 2 อัครทูตเปาโลกล่าวว่าผู้เชื่อทุกคน “ตามสันดาน…เป็นคนควรแก่พระอาชญา” (ข้อ 3) แต่พระเจ้าทรงประทานของประทานแห่งความรอดแก่เราทั้งหลายทั้งๆที่เราไม่สมควรได้รับ เป็นของประทานที่เราไม่อาจทำสิ่งใดเพื่อจะได้มา “เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้” (ข้อ 9) แม้แต่คนเดียว

เมื่อเรายอมจำนนต่อพระเจ้าในทุกช่วงเวลาของการเดินทางแห่งชีวิตที่ยาวนาน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงนิสัยของเรา เพื่อเราจะสามารถสะท้อนถึงพระลักษณะของพระคริสต์ ผู้เชื่อทุกคนต้องการพระคุณเป็นพิเศษ แต่เราสามารถขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระคุณของพระองค์ที่มีเพียงพออยู่เสมอ (2 คร.12:9)

คุณเคยตัดสินผู้อื่นว่าเป็นคนที่ต้องการพระคุณเป็นพิเศษเมื่อใด

คุณต้องการพระคุณในด้านใดของชีวิตบ้างในวันนี้

พระเจ้าพระบิดา โปรดช่วยข้าพระองค์ในการสำแดงพระคุณแก่ผู้อื่น ด้วยใจกว้างขวางอย่างเต็มกำลัง เหมือนที่พระองค์ ประทานพระคุณอันอุดมของพระองค์แก่ข้าพระองค์อย่างล้นเหลือ

โดย Xochitl Dixon

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 43-45; กิจการ 27:27-44

26 กรกฎาคม 2023

 ความเชื่อในยามอับปาง

อ่าน: 1 เปโตร 4:7-11

อวสานของสิ่งทั้งปวงก็ใกล้จะมาถึงแล้ว เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงมีสติสัมปชัญญะ และจงรู้จักสงบใจเพื่อแก่การอธิษฐาน [ 1 เปโตร 4:7 ]

ในเดือนมิถุนายนค.ศ. 1965 วัยรุ่นชาวตองก้าหกคนแล่นเรือออกจากเกาะที่พวกเขาพักอาศัยเพื่อไปผจญภัย แต่เมื่อพายุพัดเสากระโดงเรือและหางเสือจนพังในคืนแรก พวกเขาจึงลอยอยู่ในทะเลหลายวันโดยไม่มีอาหารหรือน้ำดื่ม ก่อนที่เรือจะไปเกยตื้นที่เกาะอาตาซึ่งไม่มีคนอาศัยอยู่ และต้องติดอยู่ที่นั่นถึงสิบห้าเดือนกว่าจะมีคนมาเจอพวกเขา

เด็กหนุ่มเหล่านั้นช่วยกันทำงานเพื่อความอยู่รอดบนเกาะอาตา พวกเขาทำแปลงผักขนาดเล็ก ทำโพรงในต้นไม้เพื่อกักเก็บน้ำฝน หรือแม้แต่สร้างโรงยิมชั่วคราว เมื่อเด็กคนหนึ่งขาหักจากการตกหน้าผา คนอื่นๆก็เข้าเฝือกให้โดยใช้กิ่งไม้และใบไม้ เมื่อมีการโต้เถียงกัน พวกเขาจะบังคับให้ทั้งสองฝ่ายคืนดีกัน และทุกวันพวกเขาจะเริ่มต้นและจบลงด้วยการร้องเพลงและอธิษฐาน เมื่อเด็กๆกลับมาในสภาพที่แข็งแรงหลังจากผ่านบททดสอบที่ทรหด ครอบครัวของพวกเขาต่างพากันประหลาดใจเพราะได้จัดงานศพให้พวกเขาไปแล้ว

การเป็นผู้เชื่อในพระเยซูในศตวรรษแรกอาจเป็นประสบการณ์ที่โดดเดี่ยว การถูกข่มเหงเพราะความเชื่อและถูกตัดขาดจากครอบครัว อาจทำให้คนๆนั้นรู้สึกโดดเดี่ยว เปโตรหนุนใจคนที่อยู่ในภาวะเหมือนเรืออัปปางเช่นนี้ให้ยังคงมีวินัยและอธิษฐาน (1ปต.4:7) ให้ดูแลกันและกัน (ข้อ 8) และให้ใช้ความสามารถที่มีเพื่อทำงานให้สำเร็จ (ข้อ 10-11) ในเวลาที่เหมาะสมพระเจ้าจะนำพวกเขาผ่านการทดสอบด้วย “เข้มแข็ง มั่นคง และแน่วแน่” (5:10 TNCV)

ในช่วงเวลาของการทดลอง เราจำเป็นต้องมี “ความเชื่อในยามอับปาง” จงอธิษฐานและทำงานด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แล้วพระเจ้าจะทรงนำเราผ่านพ้นไป

ในช่วงเวลาแห่งการทดสอบ คุณมีแนวโน้มที่จะขอความช่วยเหลือหรือพยายามเผชิญปัญหาเพียงลำพัง คุณรู้จักใครที่ชีวิต “อัปปาง” และต้องการกำลังใจไหม

ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทาน “ความเชื่อในยามอับปาง” แก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเผชิญกับความทุกข์ยากไปได้ด้วยดี

โดย Sheridan Voysey

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 40-42; กิจการ 27:1-26​

25 กรกฎาคม 2023  

ทุกความโศกเศร้า

อ่าน: วิวรณ์ 21:1-6

พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขา [ วิวรณ์ 21:4 ]

เอมิลี่ ดิ๊กคินสันกวีแห่งศตวรรษที่ 19 เขียนว่า “ฉันวัดทุกความเศร้าโศกที่ฉันพบด้วยสายตาที่คับแคบและสำรวจ ฉันสงสัยว่ามันจะหนักเหมือนกับของฉันไหม หรือมีขนาดที่เล็กกว่าของฉัน” บทกวีนี้เป็นภาพสะท้อนที่สะเทือนใจ ถึงการที่ผู้คนแบกความบาดเจ็บที่พวกเขาถูกทำร้ายในรูปแบบต่างๆมาตลอดชีวิต ดิ๊กคินสันจบบทกวีอย่างลังเลด้วยคำปลอบโยนเพียงว่า “ความชูใจที่ทิ่มแทง” โดยเห็นภาพบาดแผลของตัวเองปรากฏอยู่ในรอยแผลของพระผู้ช่วยให้รอดบนกางเขน “ฉันยังคงรู้สึกเชื่ออย่างเหลือเกินว่า บาดแผลบางส่วนนั้น ก็เหมือนกับบาดแผลของฉัน”

วิวรณ์บรรยายภาพพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดของเราว่าเป็นดัง “พระเมษโปดกผู้ทรงถูกปลงพระชนม์” (5:6; ดูข้อ 12) บาดแผลของพระองค์ยังปรากฏให้เห็น เป็นบาดแผลที่เกิดจากการแบกรับความบาปและความสิ้นหวังของประชากรของพระองค์ (1ปต.2:24-25) เพื่อพวกเขาจะมีชีวิตและความหวังใหม่

และวิวรณ์กล่าวถึงวันข้างหน้าที่พระผู้ช่วยให้รอดจะทรง “เช็ดน้ำตาทุกๆ หยด” จากดวงตาของลูกๆของพระองค์ (21:4) พระเยซูจะไม่ช่วยให้พวกเขาเจ็บปวดน้อยลง แต่จะทรงทอดพระเนตรและใส่พระทัยในความเศร้าโศกของแต่ละคนอย่างแท้จริง ขณะที่ทรงเชื้อเชิญพวกเขาเข้าสู่ความจริงของชีวิตใหม่แห่งการเยียวยาในอาณาจักรของพระองค์ ที่ซึ่ง “ความตายจะไม่มีอีกต่อไป การคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป” (ข้อ 4) ที่ซึ่งน้ำแห่งการเยียวยาจะไหลออกมา “จากบ่อน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย” (ข้อ 6; ดู 22:2)

เพราะองค์พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงแบกทุกความเศร้าโศกของเราไว้ เราจึงสามารถพบกับการพักสงบและการเยียวยาในอาณาจักรของพระองค์ได้

เมื่อใดที่คุณรู้สึกว่าพระเจ้าทรงทอดพระเนตรความเจ็บปวดของคุณอย่างแท้จริง

พระเจ้าปลอบโยนคุณอย่างไรในยามยากลำบาก

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ทรงทอดพระเนตรเห็น ทรงเข้าใจ และทรงแบกรับความเศร้าโศกทั้งหมดของข้าพระองค์

โดย Monica La Rose

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 37-39; กิจการ 26

24 กรกฎาคม 2023  

ไม่ขาดทุน

อ่าน: 1 มัทธิว 43 : 44-46

เพื่อท่านจะไม่เป็นทุกข์โศกเศร้าอย่างคนอื่นๆ ที่ไม่มีความหวัง [ 1 เธสะโลนิกา 4:13 ]

หลุยส์เป็นเด็กผู้หญิงที่ร่าเริงและขี้เล่น เธอจะสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนที่พบเธอ เมื่ออายุได้ห้าขวบเธอเสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้าด้วยโรคหายาก การจากไปอย่างกะทันหันของเธอสร้างความสะเทือนใจให้กับเดย์เดย์และปีเตอร์ผู้เป็นพ่อแม่ และทุกคนที่ทำงานกับพวกเขา เราต่างก็เศร้าโศกไปกับพวกเขาด้วย

กระนั้นเดย์เดย์และปีเตอร์ก็พบพลังที่จะก้าวต่อไป เมื่อผมถามเดย์เดย์ว่า พวกเขารับมือได้อย่างไร เธอบอกว่าพวกเขาได้รับพลังมาจากการมุ่งความสนใจไปยังที่ที่หลุยส์อยู่ นั่นก็คือในอ้อมแขนอันเปี่ยมไปด้วยความรักของพระเยซู “เราชื่นชมยินดีกับลูกสาวของเราผู้ซึ่งเวลาในโลกได้หมดลง เพื่อเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์” เธอกล่าว “โดยพระคุณและกำลังจากพระเจ้า เราจึงสามารถเดินผ่านความเศร้าโศกและทำในสิ่งที่พระองค์ทรงมอบหมายให้เราทำต่อไปได้”

เดย์เดย์ได้รับการชูใจจากความเชื่อมั่นที่เธอมีในพระทัยของพระเจ้าผู้ทรงสำแดงพระองค์เองผ่านทางพระเยซู ความหวังที่พระคัมภีร์พูดถึงนั้นไม่ได้เป็นแค่การมองโลกในแง่ดี แต่เป็นความแน่ใจอย่างแท้จริงในพระสัญญาของพระเจ้า ผู้ซึ่งไม่มีวันผิดสัญญา ในท่ามกลางความโศกเศร้าเราสามารถยึดมั่นในความจริงที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจนี้ได้ ดังที่เปาโลได้ปลอบใจผู้ที่กำลังโศกเศร้าเพราะเพื่อนที่จากไปว่า “เราเชื่อว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ และทรงคืนพระชนม์แล้ว โดยพระเยซูนั้น พระเจ้าจะทรงนำบรรดาคนที่ล่วงหลับไปแล้วนั้นมากับพระองค์” (1ธส.4:14) ขอให้ความหวังนี้ทำให้เราได้รับกำลังและการชูใจแม้ในท่ามกลางความเศร้าโศกในวันนี้

คุณจะทำให้ผู้ที่ติดตามพระเจ้าได้รับกำลังจากพระสัญญาของพระองค์ได้อย่างไร คุณจะปลอบโยนคนที่กำลังเสียใจเพราะการจากไปของเพื่อนหรือคนที่เขารักได้อย่างไร

พระบิดา ขอบพระคุณสำหรับความหวังและการชูใจที่มาจากพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์เข้มแข็งขึ้นในวันนี้ เพื่อข้าพระองค์จะสามารถชูใจผู้อื่นได้เช่นกัน

23 กรกฎาคม 2023  

ระลึกถึงในคำอธิษฐาน

อ่าน: ฟีเลโมน 1:1-4

เมื่อข้าพเจ้านึกถึงท่านในคำอธิษฐาน ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าเสมอ [ฟีเลโมน 1:4 TNCV]

มัลคอล์ม เคลาต์ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้รับพระราชทานเหรียญ Maundy Money ประจำปี 2021 จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบ็ธที่ 2 ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับงานปรนนิบัตรับใช้ที่มอบให้กับชายหญิงชาวอังกฤษเป็นประจำทุกปี เคลาต์ ผู้มีอายุหนึ่งร้อยปีในปีนั้นที่เขาได้รับเหรียญจากการแจกพระคัมภีร์จำนวนหนึ่งพันเล่มตลอดชีวิตของเขา และเขาได้จดรายชื่อของทุกคนที่ได้รับพระคัมภีร์ไว้และอธิษฐานเผื่อพวกเขาเป็นประจำ

ความสัตย์ซื่อในการอธิษฐานของเคลาต์เป็นตัวอย่างอันทรงพลังของความรักแบบที่เราพบตลอดงานเขียนของเปาโลในพันธสัญญาใหม่ เปาโลมักจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้รับจดหมายว่าท่านอธิษฐานเผื่อพวกเขาเป็นประจำ ท่านเขียนถึงฟีเลโมนสหายของท่านว่า “เมื่อข้าพเจ้านึกถึงท่านในคำอธิษฐาน ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าเสมอ” (ฟม.1:4 TNCV) และในจดหมายถึงทิโมธี เปาโลเขียนว่า “ข้าพเจ้าระลึกถึงท่านในคำอธิษฐานอยู่เสมอทั้งวันทั้งคืน” (2ทธ.1:3 TNCV) ส่วนคริสตจักรในกรุงโรม เปาโลย้ำว่าท่านระลึกถึงพวกเขาในคำอธิษฐาน “เสมอ” และ “ทุกครั้ง” (รม.1:9-10 TNCV)

แม้ว่าเราอาจไม่มีผู้คนนับพันให้อธิษฐานเผื่อเหมือนเคลาต์ แต่การตั้งใจอธิษฐานเผื่อคนที่เรารู้จักนั้นมีพลัง เพราะพระเจ้าทรงตอบสนองต่อท่าทีในการอธิษฐานเช่นนั้น เมื่อพระวิญญาณทรงกระตุ้นเตือนให้อธิษฐานเผื่อใครบางคน ฉันพบว่าปฏิทินอธิษฐานแบบเรียบง่ายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ การแบ่งรายชื่อเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ในปฏิทินช่วยให้ฉันอธิษฐานอย่างสัตย์ซื่อ ช่างเป็นการสำแดงความรักที่สวยงามเมื่อเราระลึกถึงผู้อื่นในคำอธิษฐาน

สิ่งใดช่วยให้คุณสัตย์ซื่อในการอธิษฐาน

คุณได้รับพรจากการที่มีบางคนอธิษฐานเผื่อคุณอย่างไร

พระบิดา โปรดช่วยให้ข้าพระองค์สัตย์ซื่อในการอธิษฐาน โดยรู้ว่าพระองค์ทรงฟังข้าพระองค์อยู่เสมอ

โดย Lisa Samra

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 33-34; กิจการ 24

22 กรกฎาคม 2023  

เต็มล้นด้วยพระวิญญาณ

อ่าน: กิจการ 1:1-8

และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ [ เอเฟซัส 5:18 ]

นักเขียนชื่อ สก็อต แมคไนท์ ได้เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ “การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณ” สมัยที่เขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ขณะที่อยู่ในค่าย ผู้เทศนาได้ท้าทายให้เขายอมให้พระคริสต์มาครอบครองชีวิตโดยการยอมจำนนต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในเวลาต่อมาขณะที่เขานั่งอยู่ใต้ต้นไม้และอธิษฐานว่า “พระบิดาเจ้าข้า โปรดยกโทษบาปของข้าพระองค์ และขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาเติมเต็มข้าพระองค์” บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้น เขาบอกว่า “นับตั้งแต่วินาทีนั้นเอง ชีวิตของผมก็เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มันไม่ได้สมบูรณ์แบบแต่มันแตกต่าง” จู่ๆเขาก็มีความปรารถนาที่จะอ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน พบกับผู้เชื่อคนอื่นๆ และปรนนิบัติพระเจ้า

ก่อนที่พระเยซูผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์กำชับสหายของพระองค์ “มิให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้คอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา” (กจ.1:4) พวกเขาจะ “ได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช” เพื่อ “เป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก” (ข้อ 8) พระเจ้าประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้สถิตอยู่กับทุกคนที่เชื่อในพระเยซู สิ่งนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในวันเพ็นเทคอสต์ (ดู กจ.2) แต่ในปัจจุบันสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ตามที่มีคนวางใจในพระคริสต์

พระวิญญาณของพระเจ้ายังคงเติมเต็มผู้ที่เชื่อในพระเยซู โดยความช่วยเหลือของพระวิญญาณ เราเองก็สามารถเกิดผลได้โดยมีอุปนิสัยและความปรารถนาที่เปลี่ยนไป (กท.5:22-23) ให้เราสรรเสริญและขอบคุณพระเจ้าที่ทรงปลอบโยน โน้มน้าว เป็นหุ้นส่วน และรักเรา

คุณจะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่พระวิญญาณบริสุทธิ์

ทรงทำในชีวิตของคุณได้อย่างไร คุณจะต้อนรับพระวิญญาณของพระเจ้า

ให้ทรงทำงานภายในและผ่านชีวิตของคุณมากขึ้นได้อย่างไร

พระเจ้าผู้ทรงกอปรด้วยความรัก ขอบพระคุณสำหรับของประทานแห่งพระวิญญาณ ของพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์รักพระองค์และผู้อื่นมากยิ่งขึ้นในวันนี้

โดย Amy Boucher Pye

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 31-32; กิจการ 23:16-35

21 กรกฎาคม 2023

ห้องที่สงบเงียบ

อ่าน: 1 พงศ์กษัตริย์ 19:9-14

ภายหลังไฟก็มีเสียงเบาๆ [ 1 พงศ์กษัตริย์ 19:12 ]

ถ้าคุณชอบความเงียบสงบ คุณจะหลงรักห้องพักในเมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินนิโซต้า ที่สามารถดูดซับเสียงได้ถึง 99.99 เปอร์เซ็นต์! ห้องไร้เสียงสะท้อน ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกของออร์ฟิลด์ แล็บบอราทอรี่ส์ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สถานที่ที่เงียบที่สุดในโลก” ผู้ที่ต้องการสัมผัสพื้นที่ไร้เสียงแห่งนี้จะต้องนั่งลงเพื่อป้องกันความไม่คุ้นชินจากการที่ไม่มีเสียงรบกวน และไม่มีใครสามารถอยู่ในห้องนี้ได้นานเกินสี่สิบห้านาที

มีพวกเราน้อยคนนักที่ต้องการความเงียบขนาดนั้น แต่บางครั้งเราก็อยากจะอยู่เงียบๆในท่ามกลางโลกที่วุ่นวายสับสน แม้แต่ข่าวที่เราดูและสื่อสังคมออนไลน์ที่เราเสพก็ทำให้เกิด “เสียง” ที่ดังแข่งกันเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเรา โดยส่วนใหญ่จะเป็นคำพูดและภาพที่กระตุ้นอารมณ์ในด้านลบ การหมกมุ่นอยู่กับสิ่งเหล่านั้นสามารถกลบเสียงของพระเจ้าได้อย่างง่ายดาย

เมื่อผู้เผยพระวจนะเอลียาห์ไปเฝ้าพระเจ้าบนภูเขาโฮเรบ ท่านไม่ได้พบพระองค์ท่ามกลางพายุที่ดังสนั่นหวั่นไหว หรือแผ่นดินไหว หรือไฟ (1 พกษ.19:11-12) แต่เมื่อเอลียาห์ได้ยิน “เสียงเบาๆ” ท่านจึงเอาผ้ามาคลุมหน้าและออกมายืนที่ปากถ้ำเพื่อพบกับ “พระเจ้าจอมโยธา” (ข้อ 12-14)

จิตวิญญาณของคุณอาจโหยหาความเงียบ แต่ยิ่งไปกว่านั้น จิตวิญญาณคุณอาจจะอยากได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า จงหาห้องที่สงบเงียบในชีวิตของคุณเพื่อที่คุณจะได้ไม่พลาด “เสียงเบาๆ” ของพระเจ้า (ข้อ 12)

พระเจ้าทรงสื่อสารกับลูกของพระองค์ในทางใดบ้าง

เหตุใดการสื่อสารกับพระองค์เป็นประจำจึงสำคัญมาก

พระบิดาผู้ทรงรัก โปรดช่วยให้ข้าพระองค์มีความคิดและจิตใจที่สงบ เพื่อข้าพระองค์จะพร้อมในการพบพระองค์ในวันนี้

โดย Cindy Hess Kasper

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 29-30; กิจการ 23:1-15

20 กรกฎาคม 2023  

สวมความถ่อมใจ

อ่าน: ฟีลิปปี 2:5–11

[พระเยซู] กลับทรงสละทุกสิ่ง มารับสภาพมนุษย์ บังเกิดเป็นมนุษย์ [ ฟีลิปปี 2:7 TNCV ]

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแฟรนไชส์อาหารแช่แข็งแห่งหนึ่งได้ปลอมตัวไปในซีรีส์ทางโทรทัศน์ชื่อเจ้านายสายสืบ โดยสวมชุดเป็นพนักงานเก็บเงินที่ร้านสาขาหนึ่งซึ่งเป็นแฟรนไชส์ของบริษัท เธอสวมวิกผมและแต่งหน้าเพื่ออำพรางตัวและสวมบทบาทเป็นพนักงาน “ใหม่” เป้าหมายของเธอคือ เพื่อดูระบบการทำงานจากภายในและในระดับปฏิบัติการว่าใช้การได้จริงๆ หรือไม่ จากการสังเกตการณ์ของเธอ ทำให้เธอแก้ปัญหาบางอย่างที่ร้านสาขากำลังเผชิญได้

พระเยซูทรง “สละทุกสิ่ง” มารับสภาพที่ต่ำต้อย (ฟป.2:7 TNCV) เพื่อแก้ปัญหาของเรา พระองค์ทรงกำเนิดเป็นมนุษย์โดยใช้ชีวิตอยู่บนโลก ทรงสอนเราเรื่องพระเจ้า และในที่สุดทรงสิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อไถ่บาปของเรา (ข้อ 8) การเสียสละนี้เผยให้เห็นถึงความถ่อมพระทัยของพระคริสต์ที่ได้สละพระชนม์ชีพของพระองค์เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของเราด้วยใจเชื่อฟัง พระองค์ทรงใช้ชีวิตบนโลกนี้และมีประสบการณ์เช่นเดียวกับเราในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เราถูกเรียกให้มี “ท่าทีแบบเดียวกับ” พระผู้ช่วยให้รอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความสัมพันธ์ของเรากับผู้เชื่อคนอื่นๆ (ข้อ 5 TNCV) พระเจ้าจะช่วยเราในการสวมความถ่อมใจ (ข้อ 3) และการมีท่าทีแบบเดียวกับพระคริสต์ (ข้อ 5) พระองค์ทรงเตือนเราให้ดำเนินชีวิตในฐานะผู้รับใช้ที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการของผู้อื่นและเต็มใจที่จะช่วยเหลือพวกเขา เมื่อพระเจ้าทรงนำเราให้รักผู้อื่นด้วยความถ่อมใจ เราก็อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าที่จะรับใช้พวกเขา และหาทางออกให้กับปัญหาที่พวกเขาเผชิญอยู่ด้วยความเห็นอกเห็นใจ

คุณจะตอบสนองความต้องการและปัญหาที่ผู้อื่นกำลังเผชิญอยู่ด้วยความรักได้อย่างไร การดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมใจเช่นเดียวกับพระเยซูนั้นมีความหมายอย่างไรสำหรับคุณ

พระเจ้าผู้บริสุทธิ์ ขอบพระคุณสำหรับการเสียสละของพระเยซูเพื่อข้าพระองค์ โปรดประทานแนวความคิดแบบพระคริสต์เมื่อข้าพระองค์รับใช้พี่น้องด้วยความถ่อมใจ

โดย Katara Patton

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 26-28; กิจการ 22

19 กรกกฎาคม 2023  

แอบย่องเอาบาปออกไป

อ่าน: สุภาษิต 28:13-18

บุคคลที่ซ่อนการละเมิดของตนจะไม่จำเริญ แต่บุคคลที่สารภาพ และทิ้งความชั่วเสียจะได้ความกรุณา [ สุภาษิต 28:13 ]

วินสตันรู้ดีว่ามันไม่ควรเคี้ยวสิ่งนั้น ดังนั้นมันจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมที่เราเรียกว่ากลยุทธ์การเดินย่อง ถ้าวินสตันเห็นใครถอดรองเท้าทิ้งไว้โดยไม่ระวัง มันจะทำเป็นเดินไปทางนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ก้มไปคาบรองเท้า แล้วค่อยๆเดินย่องออกไปทางประตูถ้าไม่มีใครสังเกตเห็น “แม่ครับ วินสตันคาบรองเท้าแม่และย่องออกไปทางประตูแล้วครับ”

เห็นได้ชัดว่าบางครั้งเราก็คิดว่าเราสามารถ “เดินย่อง” ผ่านพระเจ้าออกไปพร้อมกับบาปของเราได้ เราถูกล่อลวงให้คิดว่าพระองค์จะไม่ทันสังเกต มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย ไม่ว่า “มัน” จะเป็นอะไรก็ตามเราจะหาเหตุผลเข้าข้างตนเองเสมอ ไม่ต่างกับวินสตัน เรารู้ดีว่าทางเลือกเหล่านั้นไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า

เช่นเดียวกับอาดัมและเอวาในสวนเอเดน เราอาจพยายามซ่อนตัวเพราะความละอายในเรื่องบาปของเรา (ปฐก.3:10) หรือแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พระคัมภีร์เชื้อเชิญให้เราทำในสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก นั่นก็คือวิ่งเข้าหาพระเมตตาและการอภัยจากพระเจ้า สุภาษิต 28:13 บอกเราว่า “บุคคลที่ซ่อนการละเมิดของตนจะไม่จำเริญ แต่บุคคลที่สารภาพและทิ้งความชั่วเสียจะได้ความกรุณา”

เราไม่ต้องพยายามเดินย่องออกไปพร้อมกับบาปและหวังว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็น เมื่อเราบอกความจริงในสิ่งที่เราตัดสินใจเลือก ไม่ว่าจะบอกกับตัวเอง กับพระเจ้า หรือกับเพื่อนที่ไว้ใจได้ เราจะพบอิสรภาพจากความรู้สึกผิดและความละอายจากการแอบซ่อนความบาปไว้ (1 ยน.1:9)

คุณถูกล่อลวงในทางใดบ้างให้ “แอบย่อง” เอาบาปออกไปในบางครั้ง

มีสิ่งใดที่ขัดขวางคุณไม่ให้สารภาพบาปเหล่านั้น

พระบิดา ขอบพระคุณที่บาปของข้าพระองค์ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ระลึกว่าเมื่อข้าพระองค์บอกความจริงกับพระองค์และผู้อื่น ข้าพระองค์สามารถมั่นใจในพระเมตตาและการอภัยของพระองค์ได้

โดย Adam Holz

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 23-25; กิจการ 21:18-40

18 กรกฎาคม 2023  

ทำสิ่งที่ถูกต้อง

อ่าน: 2 พงศาวดาร 33:10-16

เมื่อพระองค์ทรงทุกข์ยาก พระองค์ทรงวิงวอนขอพระกรุณา ต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ และถ่อมพระทัยลงอย่างมาก [ 2 พงศาวดาร 33:12 ]

จดหมายจาก “เจสัน” นักโทษคนหนึ่งทำให้ผมและภรรยาต้องประหลาดใจ เรา “เลี้ยง” ลูกสุนัขเพื่อให้เป็นสุนัขช่วยเหลือผู้พิการ ลูกสุนัขตัวหนึ่งได้ผ่านเข้าสู่การฝึกในขั้นต่อไป ซึ่งดำเนินการโดยนักโทษที่ได้รับการสอนให้รู้วิธีการฝึกสุนัข จดหมายที่เจสันเขียนถึงเราบรรยายถึงความเสียใจกับอดีตของตัวเอง แต่จากนั้นเขาก็พูดว่า “สนิกเกอร์สเป็นสุนัขตัวที่สิบเจ็ดที่ผมฝึกและมันเป็นสุนัขที่ดีที่สุด เมื่อมันมองมาที่ผม ผมรู้สึกเหมือนผมได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องในที่สุด”

เจสันไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกเสียใจ เราทุกคนล้วนมีความรู้สึกเสียใจ มนัสเสห์กษัตริย์แห่งยูดาห์มีเรื่องที่ต้องเสียใจมากมาย 2 พงศาวดาร 33 ได้บรรยายถึงการกระทำที่ชั่วร้ายของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างปูชนียสถานสูงเพื่อนมัสการพระต่างด้าวด้วยการร่วมเพศ (ข้อ 3) ถือวิทยาคม และถวายโอรสให้ลุยไฟ (ข้อ 6) พระองค์ทรงชักจูงคนทั้งชาติให้หลงไปในทางที่ชั่วร้ายนี้ (ข้อ 9)

“พระเจ้าตรัสกับมนัสเสห์และประชาชนของพระองค์ แต่เขาทั้งหลายไม่ฟัง” (ข้อ 10) สุดท้ายพระเจ้าก็ได้รับความสนใจ เมื่อชาวอัสซีเรียบุกเข้ามา “เอาเบ็ดเกี่ยวมนัสเสห์…และนำพระองค์มายังบาบิโลน” (ข้อ 11) และในที่สุดมนัสเสห์ก็ทำสิ่งที่ถูกต้อง “พระองค์ทรงวิงวอนขอพระกรุณาต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ และถ่อมพระทัยลงอย่างมาก” (ข้อ 12) พระเจ้าทรงสดับฟังคำวิงวอนและทรงคืนตำแหน่งกษัตริย์ให้กับพระองค์ มนัสเสห์ได้แทนที่ธรรมเนียมปฏิบัติพระต่างด้าวด้วยการนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้แต่องค์เดียว (ข้อ 15-16)

ความเสียใจกำลังกัดกินคุณอยู่หรือไม่ ยังไม่สายเกินไป พระเจ้าทรงสดับคำอธิษฐานที่แสดงถึงการกลับใจด้วยท่าทีที่ถ่อมใจของเรา

คุณกำลังเสียใจกับเรื่องอะไรอยู่ คุณจะถวายเกียรติแด่พระเจ้าโดยยอมให้

พระองค์ไถ่คุณออกจากความเสียใจนั้นและใช้คุณเพื่อปรนนิบัติพระองค์ได้อย่างไร

ขอบพระคุณพระบิดาที่ทรงพร้อมจะฟังคำอธิษฐาน ที่ซื่อตรงของข้าพระองค์อยู่เสมอ

โดย Tim Gustafson

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 20-22; กิจการ 21:1-17

17 กรกฎาคม 2023  

เป้าหมายของฉันคืออะไร

อ่าน: 2 ทิโมธี 1:1-5

ข้าพเจ้าระลึกถึงความเชื่ออย่างจริงใจของท่าน อันเป็นความเชื่อ ซึ่งเมื่อก่อนได้มีอยู่ในโลอิสยายของท่าน และในยูนีสมารดาของท่าน และบัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีอยู่ในท่าน [ 2 ทิโมธี 1:5 ]

“ผมรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์” ฮาโรลด์กล่าว “เป็นพ่อม่ายที่เกษียณแล้วและลูกๆต่างก็ยุ่งกับครอบครัวของตัวเอง ผมใช้เวลายามบ่ายที่เงียบสงัดนั่งดูเงาบนกำแพง” เขามักจะบอกลูกสาวว่า “พ่อแก่แล้วและใช้ชีวิตมาอย่างคุ้มค่า พ่อไม่มีเป้าหมายอะไรอีกต่อไป พระเจ้าจะมารับพ่อไปเมื่อไหร่ก็ได้”

แต่การสนทนาในบ่ายวันหนึ่งได้เปลี่ยนความคิดของฮาโรลด์ “เพื่อนบ้านของผมมีปัญหากับลูกๆผมจึงอธิษฐานเผื่อเขา” ฮาโรลด์กล่าว “ผมได้แบ่งปันพระกิตติคุณกับเขาในเวลาต่อมา และสิ่งนั้นทำให้ผมตระหนักว่าชีวิตของผมยังมีเป้าหมาย! ตราบที่ยังมีคนไม่เคยได้ยินเรื่องราวของพระเยซู ผมต้องบอกพวกเขาในเรื่องพระผู้ช่วยให้รอด”

เมื่อฮาโรลด์ใช้เวลาที่ได้พบปะกันเป็นปกติประจำทุกวันนั้นด้วยการแบ่งปันความเชื่อ ชีวิตของเพื่อนบ้านก็เปลี่ยนไป ใน 2 ทิโมธี 1 อัครทูตเปาโลกล่าวถึงผู้หญิงสองคนที่พระเจ้าทรงใช้ในลักษณะเดียวกันนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนๆหนึ่ง นั่นคือชีวิตของทิโมธีเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องของเปาโล โลอิสยายของทิโมธีและยูนิสมารดาของเขาได้ส่งต่อ “ความเชื่ออย่างจริงใจ” มายังทิโมธี (ข้อ 5) โดยผ่านเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของครอบครัวธรรมดาๆครอบครัวหนึ่ง หนุ่มน้อยทิโมธีได้เรียนรู้จักความเชื่อที่แท้จริงซึ่งช่วยหล่อหลอมให้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นสาวกที่ซื่อสัตย์ของพระเยซู และรับใช้ในฐานะผู้นำของคริสตจักรเมืองเอเฟซัสในที่สุด

ไม่ว่าเราจะมีอายุ ภูมิหลัง หรืออยู่ในสถานการณ์เช่นไร เราต่างมีเป้าหมายนั่นคือการบอกผู้อื่นเรื่องพระเยซู

คุณจะหนุนใจใครให้เชื่อในพระเยซูได้บ้าง

คุณจะอธิษฐานขอให้คุณสามารถแบ่งปันพระกิตติคุณในโอกาสใดบ้าง

ข้าแต่พระเยซู ขอเปิดดวงตาและหัวใจของข้าพระองค์ต่อผู้คนรอบข้างที่จำเป็นต้องได้ยิน ถึงความรักของพระองค์ โปรดประทานโอกาสให้ข้าพระองค์แบ่งปันพระกิตติคุณกับพวกเขา

โดย Karen Huang

อ่านพระคัมภีร์ภายใน 1 ปี: สดุดี 18-19; กิจการ 20:17-38

กลับหน้าหลัก

กลับหน้าหลัก